เราใช้รถมอเตอร์ไซค์เป็นหลักมาตลอด เพราะสมัยก่อนเราอยู่ในกรุงเทพ
รถมอเตอร์ไซค์คันแรก (ที่เราเป็นเจ้าของ) ก็จะเป็น Honda Scoopy-i รุ่นแรกสุดเลย ซื้อมาตั้งแต่ปี 2012 ใช้มาตลอด ไปๆมาๆแถวบ้าน
ก็ใช้มอเตอร์ไซค์แค่ระแวกบ้าน เอาไว้ซื้อข้าวกิน เต็มที่ก็ 2-3 กิโล ไกลโคตรๆก็ 7-8 กิโล
จนกระทั่งสิ้นปี 2019 เราก็ย้ายบ้าน ออกจากกรุงเทพ มาอยู่สมุทรสาคร เป็นครั้งแรกที่เราขับรถโคตรไกลมาก
เข้ากรุงเทพ ออกสมุทรสาคร ไปทำงานทุกวัน เฉลี่ยวันละ 80 กิโล เป็นระยะทางที่เหนื่อยกับการขับรถมากๆ

ขับรถแต่ละวัน ปวดตูดระบมมากๆ กับถนนพระรามสองสยองขวัญ
จากเดิม รถซื้อข้าวแกง ที่วิ่งแค่ 2หมื่นกิโล จนถึงปี 2025 กลายเป็น 6หมื่นกว่ากิโล ไปแล้ว
ถึงตอนนั้น เราคิดอยู่เสมอว่า รถมันไม่ไหวแล้วล่ะ คงได้เวลาซื้อรถใหม่แล้ว
เราก็หาข้อมูลซื้อรถ ทีแรกวางแผนไว้ว่าจะเอา Honda ADV ไม่ก็ Honda Forza
ส่วน Yamaha ไม่อยู่ในหัวเลย เพราะเราเห็นว่าแว๊นในจังหวัดที่เราอยู่มันขับกันเยอะมาก ก็เลยไม่อยากขับยี่ห้อนี้
เราเคยขับ Forza อยู่ราวๆ 3 เดือน เป็นของพี่ชายให้ยืมมาขับ เพราะจอดทิ้งไว้อยู่บ้าน ให้แบตหมดซื้อมาไม่ขับเลย
ก็คิดว่า คงจะเอา Forza ละมั้ง เลยไปปรึกษารุ่นพี่ร่วมงาน
พี่ ระหว่าง ADV กับ Forza เอาคันไหนดี?
หนีไป… อย่ามา Forza
ไปซอนเทสเถอะ
ซอนเทส อะไรหว่า? ไม่เคยได้ยินมาก่อน
รถจีนน่ะ แต่ของแถมคุ้มมาก
ซื้อมาไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว
จากที่หาข้อมูลก็พบว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ของบริษัท Guangdong Tayo Motorcycle Technology Co., Ltd. ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2003 แล้ว
Zontes เป็นที่นิยมมากในประเทศ จีน สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ บราซิล เบลเยียม มาเลเซีย อินเดีย ไทย และประเทศอื่นๆ รวม 55 ประเทศ
ในไทยก็ยอดจองรถสูงสุดในงานมอเตอร์โชว์สิ้นปี 2024 ด้วย กระแสการโฆษณา โปรโมทก็ถือว่า ลงทุนดีมาก

เราก็มองว่าเป็นแบรนด์รถที่มีความน่าเชื่อถือในระดับนึงเลย
แต่ก็แน่นอนว่าจำนวนศูนย์บริการ มันไม่มีทางสู้รถ Honda Yamaha ที่มันอยู่คู่ประเทศไทยมานานแสนนานอยู่แล้ว
ถ้าอนาคตถ้าสามารถเพิ่มศูนย์บริการมากขึ้นกว่านี้ก็คงจะสร้างความเชื่อถือได้มากขึ้น
กระแสในไทย
ต้องบอกว่าเป็นที่นิยมเฉพาะกลุ่ม แต่ก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ่มากระดับนึง ตัวรถขายความคุ้มค่า ให้ของเต็มที่
ทำให้คนกลุ่มนี้ (ไม่ใช่ทุกคน) ก็ไปพูดเยาะเย้ยคนใช้รถยี่ห้ออื่น ทำให้คนขับยี่ห้ออื่นไม่ชอบรถยีห้อนี้เป็นพิเศษ
เลยมักจะโดนด่าโดนว่าเป็นรถเจ๊ก รถจีน ด่ากันไป ด่ากันมาไม่จบไม่สิ้น อารมณ์เดียวกับพวกคนด่ารถ EV รถน้ำมันเลย
ไม่รู้ทำไมต้องเยาะเย้ยกันก็ไม่รู้ แทนที่จะอยู่ร่วมกันดีๆ เข้ากลุ่มไปมีแต่ด่ากันไปด่ากันมา ตอนนี้เราเลยไม่อยู่กลุ่มอะไรทั้งนั้นละ
ความกังวล
จริงๆทีแรกเราก็ไม่ค่อยสนใจหรอก เพราะด้วยความคิดว่า ถ้าซื้อมาขับแล้วรถเสียจะทำยังไง ร้านซ่อมรถข้างทางเขาจะซ่อมให้ยังไง? อะไหล่จะไปหาจากไหน?
ความกังวลเต็มร้อยเลย ด้วยประสบการณ์รถเสียกลางทางที่เราเจอบ่อย บนถนนพระรามสอง ทำเรากลัวเรื่องนี้มากกว่าคนอื่นแน่ๆ
รุ่นพี่ก็บอกว่า ไม่ต่างกับทางนี้หรอก ถึงเวลาเอาไปซ่อมร้าน ถ้าเจอร้านที่มันซ่อมไม่เป็น ก็มีปัญหาเหมือนกันแหละ
จังหวะมันมา
ด้วยความกังวล ทำให้ยี่ห้อนี่อยู่ในหัวเราประมาณ 50% ก็ใช้เวลาหาข้อมูลอยู่ซักพัก ก็ถูกใจกับ Zontes รุ่น 368G มาก
จนกระทั่งปลายเดือนมีนาคม ตัดสินใจไปดูรถที่ศูนย์ตรงพระราม 2 ไปดูแล้วก็ชอบดี รถใหญ่ เท่ดี แต่เป็นรถของลูกค้าที่รอมารับ
จึงไม่สามารถไปคล่อมรถ เพื่อลองนั่ง ลองทรงตัวอะไรได้ ทีนี้ปัญหาต่อไปคือรถคันนี้เปิดตัวมาปลายปี 2024
คนก็แห่กันไปจองที่งานมอเตอร์โชว์ จนเดือนมีนา จะเข้าเดือนเมษาแล้ว ยังไม่ได้รถกันเลย ในกลุ่มมีคนท้อกันหลายคนไม่ได้รถซะที
เราก็คงไม่ได้หรอก แต่ก็มาดูเล่นๆไว้ จู่ๆเซลล์ของร้านสาขานี้ ก็ขอแลก LINE เอาไว้ บอกว่าถ้ามีใบจองหลุดจะทักไปหา
เราก็หาข้อมูลว่า มีศูนย์ที่ไหนมีให้ลองขับรถบ้าง จนเจอแล้ว ตัดสินใจว่าอีก 2-3 วันจะไปลอง จู่ๆเซลล์ของร้านก็ทัก LINE มาหา
สวัสดีค่ะ ยังสนใจรถอยู่ไหมคะ
มีคนปล่อยใบจองค่ะ มีรถให้ทันทีเลยด้วย
เอ๋~ กระทันหันมาก
เอาไงดีเนี่ย ยังไม่ได้ไปลองรถเลยอ่ะ
อันนี้เป็นใบจองจากมอเตอร์โชว์
ได้ส่วนลดอีก 4000 บาทด้วยนะคะ
เอาครับ
จากที่ไปดูรถเล่นๆ แล้วคิดจะไปลองรถเล่นๆ กลายเป็นว่าจู่ๆได้รถเลย จังหวะมันมาพอดี คว้ามันไว้ละกัน
พอเตรียมเอกสารครบ อีกสองวันก็ได้รถกลับมาเลย

เลือกเสื้อใส่ไปถอยรถได้แนวเหลือเกิน
มาถึงตรงนี้แล้ว เรื่องตัวรถ คงไม่ต้องพูดอะไรมาก สเปคหลักๆก็คึอ
ประเภทเครื่องยนต์: 1 สูบ, 4 จังหวะ, 4 วาล์ว, SOHC, ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ: 367.6 ซีซี
กำลังสูงสุด: 38.75 แรงม้า (PS) ที่ 7,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด: 40 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที
ความจุถังน้ำมัน: 17.5 ลิตร
ความสูงเบาะ: 795 มม. (สูงสุด) | 770 มม. (ต่ำสุด)
น้ำหนักตัวรถ : 198 กก.
ระบบ Keyless Control System 3.0: สตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ
หน้าจอแสดงผล: Full Digital TFT ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Mirror Screen
ระบบไฟส่องสว่าง: Full LED รอบคัน (ไฟหน้า Projector, ไฟท้าย, ไฟเลี้ยว Sequential) พร้อมไฟตัดหมอก/ไฟสปอร์ตไลท์จากโรงงาน
ระบบ Traction Control System (TCS): ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
กล้องบันทึกภาพหน้า-หลัง: ความละเอียด 1080P (Sony Starlight Night Vision Sensor) พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 128G
ช่องจ่ายไฟ: USB Type A และ Type C รวม 6 พอร์ต (รองรับ QC3.0 Fast Charge)
Crash Bar: พร้อมไฟสปอร์ตไลท์
ความรู้สึกหลังขับมา 3 เดือน
ซื้อวันที่ 4 เมษายน เขียนรีวิววันที่ 4 กรกฏาคม

การขับขี่
การขับขี่นั้นถือว่า บิดสนุกมากๆ บิดนิดเดียวก็แทบปลิวแล้ว พุ่งไวมาก ตอนเราขับ Scoopy-i บิดสุดแรงเกิดได้เต็มที่ก็ 60km/hr
แต่คันนี้บิดนิดเดียวก็ไป 60-80km/hr แล้ว แต่เราไม่ใช่คนขับรถซิ่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 60 ถ้าอยู่ถนนใหญ่อาจมี 80-90 บ้าง เวลาต้องการแซง
ถ้าบิดแบบแรงสุดเลย เคยถึงแค่ราวๆ 125km/hr เขาไม่กล้าบิดมากกว่านี้ละ เพราะเรากลัวความเร็ว
ในอดีตเคยเจออุบัติเหตุจากความเร็วบนท้องถนน
เกิดขึ้นตอนที่นั่งรถคนอื่นที่ขับเร็วมากๆ เราเลยค่อนข้างกลัวความเร็วมากๆ
น้ำหนักรถ
อย่างแรกเลยก็คงจะเป็นเรื่องของ น้ำหนักรถ 198 กิโลกรัม ต้องบอกว่าหนักมากๆ
+ กับน้ำมันเต็มถัง 17.5 ลิตร = 14.3 กิโล กลายเป็น 215.3 กิโล ถ้าเผลอนิดเดียว ก็รถล้มได้เลย
ช่วงแรกๆเราเกือบล้มหลายรอบละ ต้องระวังมากๆ
ความสูงของรถ
เรื่องต่อมาคือ รถสูงมาก ขนาดเราที่สูง 180 ซม ยังไม่สามารถวางขาได้ทั้งสองขาลงพื้นถนนได้
ทำได้เต็มที่แค่วางขาข้างนึงเต็มๆ แล้วขาอีกข้าง วางบนที่พักเท้าถ้าวางขาลงพื้นถนน ขาข้างนึงจะถึงพื้นได้แค่ครึ่งเท้าเท่านั้น
เพราะว่าที่วางเท้า และแคชบาร์ มันกว้าง ทำให้ขาถ่างนิดหน่อย ด้วยนิสัยขับรถคันเก่าที่เวลาเข็นเรามักคล่อมรถแล้วใช้ขาเข็น
มาขับรถคันนี้คือ ใช้ขาเข็นแทบไม่ได้เลย มันหนักเหลือเกิน 555 ส่วนรุ่นพี่เราที่สูง 190 วางขาสบายๆไม่มีปัญหาอะไรเลย
เราคิดว่า ถ้าใครความสูงต่ำกว่า 175 เราไม่อยากแนะนำเลย ความสูงไม่พอมาฝืนขับ เวลาฉุกเฉินมันจะทรงตัวไม่ทัน ทำเอาเกิดอุบัติเหตุง่าย
การกินน้ำมัน
กินน้ำมันไหม เรามองว่ากินในระดับที่รับได้ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เวลารถกินน้ำมัน ส่วนใหญ่จะเป็นเวลา ขับรถในเมืองกรุงเทพนี่ล่ะ
เพราะรถติดจะตายชัก ต้องบิดหยุดบิดหยุด ก็เลยกินน้ำมันกว่า การขับรถทางไกลนอกเมือง
ประกัน
เขาเคลมว่า ประกันให้ 5 ปี หรือ 50000 กิโล ซึ่งเราขับรถไม่เยอะ คิดว่ากว่าจะไปถึง 50000 คงจะใช้เวลาระดับนึงเลย นี่ขับมา 3 เดือนละ เพิ่งจะวิ่งไปแค่ 1800 กิโลเอง เพราะวิ่งแค่ไปทำงานอย่างเดียว เผลอๆมีประกันยาว 5 ปีเลยมั้ง
แล้วก็ตอนซื้อก็ถามๆเรื่องว่า กรณีถ้าต้องเอารถมาซ่อมต้องทิ้งรถไว้หลายวัน หากต้องรออะไหล่ ขับรถไม่ได้ ทางร้านสามารถหารถมาให้ใช้แทนได้ไหม เขาก็บอกว่าหาให้ได้ แต่ก็ต้องดูตอนนั้นด้วยว่ามีรถเหลือไหม แต่จริงๆเราไม่ได้ซีเรียสนัก เพราะมีรถสำรองที่บ้านอีกคันอยู่ละ
แต่งเพิ่มหลังจากได้รถมา
เราไม่ใช่คนแต่งรถอะไรนักหรอก เอาแค่ของที่จำเป็นเท่านั้น
กล่องหลังรถ
เพราะรถคันเก่าเราใช้กล่องหลังรถเพื่อใส่กระเป๋า ใส่อุปกรณ์ไปทำงานนอกสถานที่


บังโคลน
รถคันนี้ ดีไซน์ที่บังโคลนมาสูงเกิน เราห่วงว่าเวลาขับรถช่วงฝนตก มันจะดีดน้ำใส่รถคนอื่นที่ตามมาข้างหลัง เราเกลียดอะไรเราก็จะไม่ทำ เพราะฉะนั้น อันนี้สำคัญมาก เอามาติดแล้วมันก็ดูเท่ดีด้วย เลยชอบเป็นพิเศษ


ที่เขี่ยขาตั้ง
เดิมที่ ที่เขี่ยขาตั้งตอนคล่อมรถอยู่ มันสั้นมาก ก็เลยต้องเพิ่มที่เขี่ยให้ง่ายขึ้น (โคตรแพง)

โครงเหล็กป้องกันไฟข้าง
รถคันนี้ดีไซน์ไฟเลี้ยวยื่นออกมา มันดูไม่ค่อยน่าไว้ใจซักเท่าไหร่ ไม่รู้วันไหนจะไปชน ไปกระแทก กลัวมันจะหักออกมา ก็เลยซื้อโครงเหล็กมาเพิ่มความแข็งแรงมันหน่อย


สรุป
ก็เพิ่งใช้มาสามเดือนอ่ะนะ หลักๆคงเขียนได้ราวๆนี้ นึกอะไรไม่ออกละ คงมีขาดๆบางเรื่องไป
แต่ส่วนตัวเราก็ชอบเป็นพิเศษล่ะ ขับสนุกมาก แต่จะบอกว่าแนะนำไหม นี่พูดยาก เพราะมันก็มีปัญหาของเรื่องน้ำหนักรถและส่วนสูงของคนขับแต่ละคนด้วย อันนี้คงต้องแนะนำให้คนที่สนใจ ไปหาลองตามศูนย์ที่มีรถให้ลองก่อนซื้อจะดีกว่า ไม่เหมือนเราที่ไม่ได้ลอง แล้วจู่ๆก็ได้มาเลย คิดว่ามันคงเป็นดวง และจังหวะอะไรซักอย่าง ทำให้เราได้เป็นเจ้าของมันล่ะนะ
มีคนมาทักเวลาออกไปข้างนอกบ่อยมาก ถามรถขับดีไหม คุ้มไหม ทำให้รู้สึกว่ามีคนให้ความสนใจกับรถแบรนด์นี้กันเยอะกว่าที่คิด เราก็บอกตรงๆว่ามันเป็นยังไง และมีความกังวลเกี่ยวกับรถคันนี้ยังไงบ้างอย่างที่เขียนด้านบนไปล่ะนะ
ส่วนเรื่องประกันหลังการขายนี่จะเป็นยังไงเราก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องดูๆกันไป ถ้ามันเกิดเหตุการณ์อะไรก็คงมาอัพเดทลง Blog ตามเคยละมั้ง

เอาน่ะ ซื้อมาแล้ว จะเป็นยังไงจะเกิดอะไรต่อ ค่อยว่ากันอีกที ขับๆไปเหอะ!
