หลายๆคนน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว ไอ้อุปกรณ์ VR ( Virtual Reality ) เนี่ย ใช่ครับ เราก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้ข่าวเกี่ยวกับ VR มานานมากแล้ว และอยากได้มากขนาดรีบซื้อการ์ดจอ GTX 970 ตั้งแต่ตอนที่มันออกมาใหม่ๆเลย เพราะว่าการที่จะเล่น VR นั้นต้องใช้การ์ดจอ GTX970 ขึ้นไป ถึงจะเล่นได้ เรียกได้ว่าเตรียมพร้อมมานานมากๆ 555 แต่ด้วยความที่ราคาแว่น VR มันค่อนข้างสูงมาก ( ราคา 30-40k+ ในไทยตอนนั้น ) จนไม่ค่อยกล้าเอื้อมมือไปคว้าซักเท่าไร เวลาก็ผ่านไปจากยุคสมัยแรกๆของ VR ก็มาสู่ยุคกลางๆของ VR เสียแล้ว
VR นั้นจริงๆมันมีทั้งแบบแว่นครอบทั้งหัว แล้วหลังๆมาก็จะมี VR ของฝั่งมือถือ ที่ทำมาให้เสียบมือถือเข้าไปเพื่อเล่นใช่มะ น่าจะเคยเห็นกันตามร้านขายมือถือละมั้ง แบบก๊องๆแก๊งๆ พลาสติคห่วยๆ เราเคยลองละไม่ค่อยดีอะ เราว่ามันจะทำให้สายตาเสียหนักมากๆเลยอันนั้น เป็นไปได้ ไม่ค่อยอยากแนะนำให้เล่นกันซักเท่าไร
ก่อนหน้านี้ เราเคยได้มีโอกาสสัมผัสตัว PS VR ของ Playstation 4 มาแล้ว ก็ค่อนข้างประทัปใจน่าดู แต่ในตอนนั้น PSVR เกมที่รองรับนั้นยังค่อนข้างน้อย ทำให้ต้องปัดตกไป แถมการติดตั้งเพื่อใช้งานของ PSVR นั้นถือว่า พะรุงพะรังมากๆ สายเต็มไปหมดเลย ซึ่งเรามองว่า มันเกะกะรุงรัง น่ารำคาญเกินไปหน่อย ถึงแม้ว่าในวงการแว่น VR ตัว PSVR จะถือว่าราคาถูกที่สุด แต่ก็ดันมีปัญหาสายเยอะเกิน ซึ่งเรามองว่าเป็นข้อเสียของ PSVR เลย
ตอนนั้นเราก็อยากได้น่ะแหละ แต่ก็พยายามมองข้ามมันไป แล้วก็ไปเจอเกี่ยวกับข่าว ผู้ใช้งาน VR ที่นำมาเล่นเกมออกกำลังกาย ทำให้น้ำหนักลดลงไปเยอะมากๆ จากคนอ้วน กลายเป็นคนหุ่นปานกลาง ถือว่าลดลงไปเยอะมากๆ นั่นทำให้เรารู้สึกสนใจมาก เพราะตัวเราก็เป็นคนอ้วนเหมือนกัน และอยากจะหาอะไรมาออกกำลังกายในบ้าน โดยไม่ต้องออกไป ออกกำลังกาย ข้างนอกบ้าน เป็นเรื่องที่ดีจริงๆใช่ไหมล่ะ?
แต่ก็แน่นอนว่า มันยังแพงอยู่ในมุมมองของเรา 55
จนมาถึงวันนึง เราก็ได้เห็นคนญี่ปุ่นเขาโพสวิดีโอตอนเล่น VR เกม BeatSaber ซึ่งเป็นมิวสิคเกม ที่เราจะต้องถือจอยทั้งสองข้าง และในแว่นจะเห็นเป็นดาบเลเซอร์ และจะต้องฟาดฟันตัวโน๊ตที่มา ให้ถูกทาง ตามลูกศร
เขาเล่น Mod ที่ชื่อว่า Dathmaul เป็นการใช้มือข้างเดียว ฟันตัวโน๊ตทั้งสองสี เป็นอะไรที่แบบ เท่มากๆ และอยากเล่นมากๆเลย ทำให้เราอยากได้ VR หนักขึ้นมากๆ
และบังเอิญว่า เป็นช่วงเวลาที่เรากำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นพอดี จึงตัดสินใจซื้อ VR กลับมาเลย โดยตัวที่เล็งนั้นก็คือ HTC Vive รุ่นปกติ
ตัวแว่นนั้นจะอยู่ที่ 69000 เยน โดยประมาณ ซึ่งสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ Vat Refund เนื่องจากเป็นนักท่องเที่ยว ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีให้กับประเทศญี่ปุ่น หากซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาสูงกว่า 1หมื่นเยน สามารถลดลงไปอีก 8% เหลือ 63480 เยน หรือประมาณ 18400 บาท (เรท 29 บาท ในตอนนั้น)
นอกจากนี้ เรายังซื้อตัว HTC Vive Audio Strap ซึ่งมันจะเป็นตัวอุปกรณ์รัดให้แว่นติดแน่นอยู่ตอนที่เราใส่อยู่ และสามารถผ่อนแรงการรัดได้อย่างง่าย โดยการหมุนเพียงนิดเดียว นอกจากนั้นยังเป็น Strap ที่มีหูฟังติดมาให้สำเร็จรูปด้วย เพื่อลดปัญหาสายพะรุงพะรังเวลาเล่นอยู่ พอดีเราปรึกษากับรุ่นน้องที่เล่น VR เหมือนกัน น้องมันก็แนะนำให้เราซื้อมาใช้ ก็เลยเชื่อ และซื้อตาม
ไอตัวนี้ก็ราคาอยู่ที่ประมาณ 12500 เยน ก็สามารถลด 8% ได้อีก เหลือ 11500 เยน ประมาณ 3335 บาท ก็แพงอะนะ แต่ก็ซื้อไปล่ะ ไหนๆก็อยากได้มากๆละ
สรุปโดยรวมแล้ว เราเสียไปทั้งหมดประมาณ 75000 เยน ประมาณ 21750 บาท ถ้าเทียบกับซื้อในไทยแล้ว เราก็ประหยัดไปร่วมหมื่นบาทเลย แต่ก็ต้องแลกกับไม่มีประกันล่ะนะ อยากซ่อมก็ต้องบินไปซ่อมที่ญี่ปุ่นเท่านั้น
เอาล่ะ ในการโพสครั้งนี้เราก็ไม่มีการ Unboxing อะไรหรอก เพราะมันก็เป็นของที่เก่าแล้ว แต่ก็อยากจะมาพูดถึงเรื่องตัวแว่นนี้กัน ว่าเรารู้สึกอะไรบ้าง หลังจากเล่นมาแล้วกว่าสองเดือน
ก่อนอื่นเลย อย่างแรกที่เราชอบมากก็คงจะไม่พ้นเรื่องสาย เพราะตัวแว่นนี้ สายน้อยมากๆ ถ้าเทียบกับ PSVR ที่แบบ โอ้ยอะไรนักหนา เต็มไปหมด
ตัวแว่นนี้จะมีแค่สายที่เราจะต้องเอาไปเสียบกับการ์ดจอ ของคอม PC เพื่อใช้ในการประมวลผลภาพในแว่น และ USB เสียบเข้าไปที่คอม ส่วนอีกฝั่งนึงก็เป็นแค่สายเชื่อมของแว่น VR เท่านั้นเอง ถือว่าน้อยมากๆ
แล้วแว่นจะส่งการเคลื่อนไหวจากอะไรล่ะ? ใช่แล้ว ตัวแว่นจะส่งสัญญานไปหากล่องๆนึง ซึ่งเรียกว่า Base Station
เป็นตัวกล่องที่ในเซ็ตจะให้มาทั้งหมด 2 ตัว เราจะต้องเอาไปติดตั้งในห้องที่จะใช้เล่น VR โดยจะต้องติดไว้ตามกำแพงสูงๆ แล้วส่องลงมา หลักการของการตั้ง Base Station นั้นคือตัวที่ 1 ไว้ด้านหน้า ทางที่เราหันไปเล่น ส่วนตัวที่ 2 คือไว้ด้านหลัง มุมที่ Base Station มองไม่เห็น เพื่อจับการขยับของ Controller บางทีเราหยิบจอยไปด้านหลังเรา ตัวที่ 2 จะได้จับแทนให้ ซึ่งในกล่องจะมีตัว Stand สำหรับยึดตัว Base Station ให้ โดยเราจะต้องเจาะกำแพงห้องเลยทีเดียว
ส่วนเราแน่นอนว่า ไม่อยากให้ห้องมีรู เลยใช้วิธีดิบๆเลย
เล่นง่ายๆเลย 555
ความกว้างของห้องที่ใช้เล่น
จริงๆห้องเราก็ไม่ได้ใหญ่อะไร ห้องขนาด 4×3 เมตรได้มั้งแต่วางโน่นวางนี่ เหลือที่นิดเดียวละ แต่ก็เล่นได้นะ แต่ก็มีบางที ที่จอยฟาดโน่นฟาดนี่ เพราะแคบเกิน
ต้องระวังๆหน่อยเวลาเล่น เราเคยเคาะกระจกไปทีนึงละ ดีนะไม่แตก TwT
ถ้าเป็นไปได้ หาห้องที่ไม่มีอะไรวางขวางเลย ความกว้าง 3×3 เมตร นี่น่าจะเหลือเฟือแล้วนะ คิดว่า
การใส่อุปกรณ์
อาจจะสงสัยกันว่า หนักรึเปล่า แว่นดูหนักมากเลย หลังจากลองใส่แล้วก็อืมมม ไม่ได้รู้สึกอะไรนะ ตัวแว่นมันหนักประมาณ 555 กรัม + Strap ด้านหลังไปอีกก็ราวๆ 600 กรัมได้มั้ง แต่คงเป็นเพราะว่าเราใส่แว่นค่อนข้างรัดพอดี มันก็เลยไม่ได้รู้สึกหนักอะไรละมั้ง
ส่วนตัวจอยมีสองอัน ก็จะดูใหญ่ๆหน่อย น้ำหนักประมาณข้างละ 400 กรัม มีปุ่มหน้าหลัง
ความรู้สึกหลังจากเล่น
แน่นอนว่า ตอนแรกที่เราซื้อ VR มานั้น เพราะว่าเราหลงไหลในความเท่ของคนที่เล่น BeatSaber ฉะนั้น เกมแรกที่เราเล่นนั้นก็คือ….
Custom Maid 3D2….
คือหลังจากเข้าไปเล่นแล้ว มันเหมือนกับเราได้ไปอยู่อีกโลกนึง ได้อยู่กับตัวละครที่เราสร้างขึ้นมา ได้เล่นกัน ได้จับโน่นจับนี่ จนบางทีก็รู้สึกไม่อยากกลับมารับรู้ความเป็นจริงเลยนะ 55
เอาล่ะหลังจากเล่น Custom Maid 3D2 ไปแล้ว ต่อไปเราก็ไปที่เกมที่เราคาดหวังไว้เลยดีกว่า นั่นก็คือ
VR Kanojo…
เราไปได้ยินมาว่า ผู้ชายกว่า 90% ที่มี VR ไว้ในครอบครอง จะซื้อเกมนี้มาเล่นล่ะ อืมมม เราก็อยู่ใน 90% นั่นด้วยล่ะ
ใครไม่รู้จัก VR Kanojo เราจะอธิบายตัวเกมง่ายๆละกันว่า มันคือเกมโป๊ว ที่สั้นๆไม่มีอะไร โดยตัวเกมจะให้เราเป็นผู้ชายที่จู่ๆไปอยู่ในห้องของเด็กผู้หญิงคนนึง แล้วต้องไปสอนหนังสือ (พยักหน้าแค่ทีเดียว) หลังจากนั้นผู้หญิงก็เป็นบ้าอะไรของมันไม่รู้ อ่อยเหลือเกิน หลังจากนั้นทั้งสองก็จะนอนอยู่บนเตียงโดยมีเด็กผู้หญิงถือ Tablet แล้วให้เราเลือกว่า เราจะปล้ำน้องเขาท่าไหนดี…. เกมมันมีแค่นั้นจริงๆล่ะ แต่ก็ถือว่า ฉาก Sex เป็นอะไรที่ว้าวมาก ล่ะนะ แต่อย่าไปพูดถึงมันเลย 55
ล้อเล่นกันมากไปละ ต่อไปก็มาถึงเกม
BeatSaber ที่เราอยากเล่นมากที่สุด (ตอแหลมาก)
ก็ตามที่เราคิดล่ะ เกมมันสนุกมากกกกกกกกก แถมถ้าเราได้เล่นเพลงไหนที่เราชอบนะ โอ้ย สนุก เล่นยังไงก็ไม่เบื่อ แทบจะไม่หยุดเล่นเลย ถ้าจะหยุดก็คือ เหนื่อยมากๆ ถึงจะเลิก 55
และเป็นเกมที่ใช้สำหรับออกกำลังกายได้ดีมาก เรียกเหงื่อได้ดีมากๆ ในตัวเกมก็มี Mod มากมาย ทำให้เราสามารถกำหนดการเล่น โดยจับจาก Kcal ที่เสียไปได้ด้วย ปกติเราก็จะเล่นให้มันครบ 500kcal ทุกๆวัน แต่ก็รู้สึกว่าจะเล่นมากเกินไปล่ะมั้ง มีครั้งนึงเล่นจนแขนอักเสบเลย
เดี่ยวพวกรายละเอียดเกม BeatSaber นี่ จะเอามาเขียนรีวิวกันอีกทีนึงหลังจากจบโพสนี้ละกัน
SKYBOX VR Video Player
มันคือโปรแกรมเล่นไฟล์วิดีโอในคอมผ่าน VR นั่นเอง มันจะได้อารมณ์เหมือนกับ ได้ดูหนังอยู่ในโรงหนังคนเดียวเลย เอามาดูหนังไป 2-3 เรื่องละ ฟินมาก จะแย่ก็คือ ควานมือหาหยิบของกินไม่เจอนี่ล่ะ 55
สรุป
- ตัว HTC Vive ที่เราซื้อมานั้นเป็นรุ่นแรก เลยมีสาย จริงๆมันมีรุ่น Pro ที่ไร้สายแล้ว แต่เราคิดว่า ยังไม่จำเป็นขนาดที่ต้องไร้สายแบบนั้น ก็เลยเลือกซื้อแบบธรรมดามา ก็ไม่ได้รู้สึกเกะกะอะไร
- เราคิดว่าโลก VR เป็นอะไรที่ดีมากๆ ส่วนตัว เสียเงินซื้อตัวนี้มา บอกเลยว่าไม่รู้สึกเสียดายเงินเลยซักนิด
- โลก VR เหมาะสำหรับการคลายเครียดที่ดีอย่างนึง เกมก็ดี (พูดถึง BeatSaber นะ ไม่ใช่เกมโป๊ว แต่อันนั้นก็ดีย์) ถ้าใครสนใจอยู่ แต่ยังลังเลไม่กล้าซื้อล่ะก็ ผมก็เป็นคนนึงละกันที่อยากจะการันตี ว่ามันดีจริง
- ใช้ประโยชน์จากมันได้หลายอย่าง จะเล่นเกม จะออกกำลังกาย จะดูหนัง ก็โอเคหมด
- เกม VR ราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับเกมตลาดทั่วๆไป มีราคาตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักร้อย ซึ่งจ่ายได้แบบไม่ต้องคิดอะไรเลย ถ้าใครสนใจ ก็ลองดูละกันนะ
เกมแรกนี่หักมุมไปเลย แต่แจ่มจริงๆ555 อยากได้3