Home Blog

ทำดังโงะกินล่ะ

0

มิตาราชิดังโงะ เป็นขนมญี่ปุ่นที่เราชอบมาก ความหนืด และซอสที่เค็มหวาน เป็นรสชาติที่หลงไหลมาก

ปกติจะไปซื้อจากร้านขนมปังยามาซากิมากิน ไม้ละราวๆ 30 บาทได้

แต่สาขาที่ห้างแถวบ้านจู่ๆก็รีโนเวทร้านใหม่ แล้วดังโงะก็หายไปจากร้านเลย T^T

เสียใจ ของโปรดเราจากไปแล้ว

ก็เลยคิดอยากจะลองทำกินเองดู เลยลองเซิจหาแป้งดังโงะจากแอปส้ม

ก็ไปได้มา ถุง 100 กรัม ในราคา 149 บาท (แพงชะมัด)

เอาล่ะ มาเริ่มทำมิตาราชิดังโงะ กันเลยดีกว่า

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม

แบ่งออกมาสองส่วน คือดังโงะ และซอส

ดังโงะ
  • แป้งดังโงะ 100 กรัม
  • น้ำตาล 1 ช้อนชา
  • น้ำอุ่น 75cc
ซอส
  • โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ 100cc

ไม้เสียบ 6 ไม้

เริ่มเตรียมแป้งดังโงะ

นำส่วนผสมมารวมกันแล้วนวดๆกันจนกว่าจะเข้ากัน

นวดจนเริ่มปั้นเป็นก้อนได้แบบนี้

ลองเอามาหักดู จะเห็นว่าผิวด้านในจะดูหยาบๆนิดนึงแบบนี้

จากนั้นก็ปั้นเป็นก้อน เลยคำนวนไซส์ ให้พอดีกับ 6 ไม้ พยายามอย่าปั้นก้อนใหญ่เกิน เพราะตอนต้ม มีโอกาสที่จะไม่สุกถึงด้านใน

ไม้นึง 3 ลูก x 6 ไม้

เอาไปต้มได้เลย

ดูง่ายๆ พอสุกแล้ว ดังโงะ จะลอยขึ้นมาเอง

จากนั้นก็นำไปใส่ในน้ำเย็นจัด ใส่น้ำแข็งลงไปด้วยเลย

พอเย็นแล้วก็เอามาเสียบไม้ให้พร้อม แล้ววางยังไงก็ได้ ให้น้ำที่แช่มันหยดออกไปได้

เตรียมดังโงะพร้อมแล้ว มาทำซอสราดกันต่อเลย

เอาโชยุ น้ำ น้ำตาล และแป้งมัน มาผสมให้เข้ากัน อย่าให้แป้งมันตกตะกอนด้านล่าง

เอาไปใส่หม้อ แล้วเปิดไฟอ่อน คนไปเรื่อยๆ

พอร้อนแล้ว ซอสจะเหนียวขึ้นเอง

แล้วก็เอาไปราดดังโงะกินได้เลย

Men9
Men9

ซอสมันอาจจะดูสีอ่อนๆ เพราะว่าเราใช้โชยุของทาคุมิ มันเป็นโชยุแบบสีอ่อน
ซอสมันเลยดูจางๆแบบนี้ แต่ซอสนั้นรสเข้มข้นกำลังดีเลย ถ้าชอบซอสข้นๆกว่านี้
ก็ต้องเพิ่มแป้งมันเข้าไปอีก สาเหตุที่พวกร้านค้าเขาทำข้นคลั่กเลย เพราะซอสมันจะอยู่นิ่งๆ
ไม่ไหลออกมาเลอะเทอะล่ะ จริงๆไม่ต้องทำซอสแบบนี้ก็ได้นะ เอาพวกถั่วแดงหวานมาราด
หรือปั้นแป้งดังโงะแบบเล็กๆ กดให้แบนๆ ต้มแล้วเอาไปกินกะพวกผลไม้กระป๋อง
หรือผลไม้รวม ก็อร่อยไปอีกแบบนะ ปรับแต่งเมนูได้มากมายเลย ขอแค่กินร่วมกับของหวานก็พอ

รีวิวจอย Gamesir T3 Pro (Tarantula Pro)

0

จากโพสเก่า ที่บอกไว้ในตอนสรุปว่า เรามีปัญหากับการใช้ปุ่ม DPAD เวลาเล่นเกมสไตล์ Metroidvania

ก็ได้เจอกับจอยใหม่ของค่าย Gamesir ของฮ่องกงตัวนี้เข้า ที่เปิดตัวจอยรุ่นนี้มาโดยสามารถเปลี่ยน Layout ปุ่ม

จาก Xbox เป็น Nintendo Switch ได้ โดยการกดปุ่มบนจอยเท่านั้น

Men9
Men9

เห็นครั้งแรกแล้วปิ๊งเลย ชอบมาก
จัดมาเลย ราคา 2400 บาท

จุดเด่นของจอยตัวนี้
  • Polling Rate 1000hz
  • Battery 1200mAh
  • ตัวจอยรุ่นนี้ รองรับ PC , Nintendo Switch , Android , iOS
  • สามารถใช้แสกน NFC เหมือนกับจอยของ Nintendo Switch ได้อีกด้วย
  • รองรับ Gyroscope ใช้เล่นเกมม fps ได้แม่นยำกว่าการเล่นเม้าส์
  • อนาลอคของเขาใช้ TMR Stick ที่สามารถใช้ Deadzone 0 โดยที่ไม่ดริฟเลย
  • มี Macro ทั้งหมด 9 ปุ่ม (หน้า 5 ปุ่ม ด้านบน 2 ปุ่ม หลัง 2 ปุ่ม)

แกะกล่อง

หน้ากล่อง

ภายในกล่อง มีสแกนสำหรับชาร์จ usb dongle สาย usb type-c และ สติ๊กเกอร์ + คู่มือ

คู่มือใหญ่สุดติ่งมาก

ตัวแท่นชาร์จ เป็นอะคริลิค แค่เอาจอยมาวางเฉยๆก็ชาร์จแล้ว

ลายบนหน้าจอย เป็นลายพรางทหาร? ดูเชยๆไปหน่อย ไม่ค่อยชอบตรงนี้เท่าไร

ด้านหลังของแท่นชาร์จ มีช่อง usb สำหรับเสียบ dongle และ สาย type-c เข้าสู่คอม

ด้านหลังของจอย มี switch สำหรับ ทำให้ Trigger LT RT กดลงไปเพียงแค่คลิกเดียวเบาๆ หรือจะกดเพื่อให้กดลงไปลึกๆได้เช่นกัน สามารถทำได้ทั้งสองฝั่ง

นอกจากนั้น switch ส่วนล่าง ก็สามารถทำให้ปุ่ม macro ด้านหลัง กดเรียบและล๊อคปุ่มเอาไว้ให้ราบเท่ากับพื้นหลัง

โดยไม่รู้สึกถึงสัมผัสของปุ่มด้านหลังเลย กรณีไม่ต้องการใช้ปุ่มด้านหลัง

มาถึงจุดนี้ ก็มีอีกอย่างนึงที่เราชอบมากๆ ก็คือ ตัวจอยเกมนั้นมีรูปร่างคล้ายกับจอย PS4 เลย ซึ่งเราชอบจอย PS4 มากๆ เพราะมันเข้ามือเราที่สุด

การใช้งานโปรแกรม Gamesir Connect

ตัวโปรแกรม Gamesir Connect สามารถโหลดได้ผ่าน Microsoft Store โดยตรงเลย ถือว่าทำมาดี และง่ายต่อผู้ใช้งาน ไม่ต้องไปหาโหลดจากเว็บอีกที

ตัวโปรแกรมก็ไม่มีอะไรให้ปรับมากมาย ก็จะเป็นการปรับ RGB บนปุ่มจอย และจุดที่แสดงไฟได้เล็กน้อย ปรับ Macro ปรับ Trigger และ Deadzone บนจอย

และยังมี App บน iOS และ Android ให้ใช้อีกด้วย เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth สามารถปรับได้คล้ายๆกับบน PC เลย

วิธีเปลี่ยนโหมดจอยเพื่อเชื่อมต่อกับเครื่องต่างๆ

หลักคือ กด Home และปุ่มที่จะเชื่อมต่อค้างราวๆ 3-5 วิ ไฟตรงกลาง จะเปลี่ยนตำแหน่ง

โดยไฟจะอยู่ด้านบนปุ่มโลโก้ มีไฟทั้งหมด 7 จุด เรียงกัน

เราจะใช้ ◌ = สื่อถึงไม่มีไฟขึ้น ● = มีไฟขึ้น

●◌●◌●◌●
Home + x = เชื่อมต่อกับ PC (xinput)
ไฟวิ่งจากซ้ายไปขวา
Home + Y = เชื่อมต่อกับ Nintendo Switch ( Layout ถึงจะเปลี่ยนจาก Xbox ไปเป็น NS )
●◌◌◌◌◌●
Home + A = เชื่อมต่อกับ Android
●◌●●●◌●
Home + B = เชื่อมต่อกับ iOS

ปัญหาที่พบเจอ ตอนที่ซื้อมาใช้วันแรก

เสียบสายเล่นบน PC จะไม่มีปัญหาอะไร เล่นได้ปกติเลย แต่พอถอดสาย usb ใช้แบบ wireless ก็พบปัญหา อนาลอคใช้งานไม่ได้ !

เอาละ งานเข้า ไม่รู้มาก่อนว่าจะเจอปัญหาแบบนี้ พอไปหาอ่านเว็บ reddit ก็พบว่า มีคนจำนวนมากเจอปัญหานี้

ซึ่งจะต้องทำการอัพเดทเฟิมแวร์ใหม่ ซึ่งเป็นเฟิมแวร์ unofficial ที่ต้นทางเว็บ แม่มยังไม่โพสลงเว็บในตอนนั้น!!

แถมตอนที่ได้มาทีแรก polling rate อยู่ที่ 250hz ด้วย พออัพแล้วกลายเป็น 1000hz

ปัจจุบันทาง official มีเขียนวิธีอัพเดทเฟิมแวร์ไว้ละ ใครที่ซื้อมาใช้แล้วเซิจหาข้อมูลมาเจอเว็บเรา ลองเข้าไปอ่านตามนี้นะ ไม่ยากอะไรเลย

สรุปหลังใช้งานมาสามเดือน
  • แบตเตอรี่ 1200mAh ใช้ได้ราวๆ 80-90 ชั่วโมง
  • กรณีเล่นแบบไวเลส ถ้าไม่กดปุ่มอะไรเลย 10 นาที จอยจะ sleep เอง แต่ถ้าเสียบสาย แต่ไม่กดอะไร พอผ่านไป 10 นาที จอยจะดับไฟลงเฉยๆ แต่จอยไม่เข้า sleep
  • ปุ่ม Select และ Start เล็กมากๆ และอยู่ตรงกลาง เวลาเล่นเกม รู้สึกว่ากดยากไปหน่อย ต้องมาใช้ Macro ตั้งปุ่ม C1 เป็น Select และ C4 เป็น Start ใช้แทน
  • ปุ่มมาโครด้านบนตรง touch pad ไกลมือไปหน่อย เรียกได้ว่า ไม่ได้ใช้เลยรวมถึงปุ่มด้านบน สองปุ่มด้วย
  • ปรับแสงไฟบนปุ่มได้ ไฟบนปุ่มค่อนข้างสวยเลย ไม่มีไฟอะไรบนจอยมากมาย กำลังดี ไม่กินแบตจนเกินไป
  • เล่นเกมสไตล์ Metroidvania จอยนี้คือดีมากๆ เพราะ DPAD มันไม่รวมกันแบบจอย flydigi apex 4 ที่เคยใช้
  • ปุ่ม DPAD กดลงไปแล้วเป็นสไตล์คลิกเหมือนเม้าส์ ส่วนปุ่ม ABXY กดลงไปเหมือนจอย Xbox แข็งนิดนึง ใช้นานๆไม่เจ็บนิ้วเหมือน flydigi apex 4
  • น้ำหนัก 326 กรัม น้ำหนักต่างจาก flydigi apex 4 ที่ 328 กรัม แค่เพียง 2 กรัม แต่การจับกระชับมือ การถ่วงของน้ำหนักนั้นดีกว่า
  • แท่นชาร์จ เวลาวางชาร์จจอยไว้ จะมีไฟขึ้นตลอด ตอนกลางคืน จะสว่างน่ารำคาญมาก ต้องรอจนกว่าแบตเต็มไฟถึงจะหายไป ถ้ามันเปิดปิดได้คงจะดีกว่านี้
  • ออกแบบช่อง usb มาแบบแย่มาก สาย usb type c ของที่ไม่ใช่ของมัน ไม่สามารถเสียบเข้าจอยโดยตรงได้ ต้องใช้สายของมันเองโดยเฉพาะ ถ้าสายพังจะทำยังไงนี่ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรนัก เพราะเล่นแบบ wireless อยู่ละ แต่ถ้าใครชอบเล่นแบบเสียบสายอาจจะเดือดร้อนหน่อย
Men9
Men9

โดยรวมถือว่าเป็นจอยที่มีเสน่ห์ ใช้งานง่าย และถือว่าเป็นจอยที่เราอยากจะแนะนำมากตัวนี้
หากเป็นคนที่ชอบจอยสไตล์ PS ล่ะก็นะ เอาตัวนี้เลย ใช้งานง่าย ราคาอยู่ในระดับที่จับได้

รีวิวจอย Flydigi Apex 4

0

หลังๆมีเริ่มเปิดใจให้กับจอยเกมนอกเหนือจากจอย Playstation กับจอย Xbox

เพราะรู้สึกว่า มีออฟชั่นเยอะ และขายราคาถูก ไม่เหมือนจอย PS Xbox

ที่เพิ่มปุ่มนิดๆหน่อย ราคาพุ่งไป 2-3 เท่าเลย แถมยังมีดริฟอยู่เลยในยุคนี้

จอยที่ใช้ในครั้งนี้คือ Flydigi Apex 4 เป็นจอยที่ถูกพัฒนาโดยบริษัทที่อ้างว่า

ตัวเองเป็นบริษัทที่สร้างจอยเกมอันดับ 1 ของจีน เลยทีเดียว

รองรับทั้ง PC , Andriod , iOS และ Nintendo Switch แต่หลักๆแล้วเราซื้อมาเพื่อเล่นเกม PC อย่างเดียว

เราซื้อมาในราคา 2800 บาท จากแอปส้ม ใช้โค๊ดลดราคาไปเยอะเลยตามประสาคนรวย

ความเจ๋งของจอยนี้
  • Polling Rate 1000hz ขณะใช้ Wireless Mode จอยทั่วๆไปอยู่ที่ 500hz ขณะที่จอย xbox one เพิ่งจะ 125hz ส่วนจอย PS5 อยู่ที่ 600-800hz
  • เป็นจอยที่ Deadzone 0 แต่ก็ไม่มีทางดริฟอย่างแน่นอน เพราะว่าใช้ อนาลอคที่ออกแบบเองแบบเฉพาะทาง ในขณะที่จอย PS5 ยังดริฟอยู่เลย
  • ตั้ง profile สำหรับเล่นเกมหลายแบบได้ โดยสามารถกดเปลี่ยนได้บนจอย
  • ตัวแกนอนาลอค สามารถปรับความหนืดในการโยกได้ตามใจชอบ ผ่านการหมุนเกลียวบนตัวจอย
  • รองรับ Gyroscope ใช้เล่นเกมม fps ได้แม่นยำกว่าการเล่นเม้าส์
  • สามารถปรับ Trigger ได้ 6 แบบ ตามสไตล์เกมที่เล่น
  • มีระบบสั่นที่สมจริงกว่าจอยเกมอื่นๆ
  • มี customize screen ที่สามารถปรับแต่งลวดลายได้บนตัวจอย
  • ปรับแต่งแสง rgb บนตัวจอยได้

แกะกล่อง

ตัวกล่อง

เปิดมาก็จะได้เจอกับคำอวย และได้รับลายเซ็นของ Director เอาไว้ชื่นชม (?)

ในกล่อง มี จอย สาย usb type-c และ usb dongle ตัวรับส่งสัญญาน

ตัว USB Dongle ขาวๆเลย มีโลโก้เล็กๆ มองไม่ค่อยเห็น ดูไม่ค่อยมีราคาเท่าไหร่

ด้านหน้า เป็น layout แบบเดียวกับ Xbox มีปุ่ม Home และ Shortcut อยู่ด้านล่างเล็กๆ

ปุ่มมาโครด้านหลัง 4 ปุ่ม

เมื่อเปิดจอ จะเห็นว่ามีโลโก้ APEX ขึ้นมาบนจอย ซึ่งจอยตัวนี้มีจุดเด่นตรงที่ สามารถใส่รูปที่ชอบลงไปได้ ทั้งภาพนิ่งและภาพ GIF

เชื่อมจอยกับโปรแกรม Flydigi Space Station

ในจอยก็จะสามารถปรับแต่ง Macro , Dead Zone , Gyroscope , Trigger และ RGB บนจอยได้

รวมถึงตั้ง Profile สำหรับเปลี่ยนโหมดเล่นเกมได้ 4 แบบ เมื่อตั้งค่าเสร็จ ก็สามารถกดปุ่มลัดบนจอยได้เลย โดยไม่ต้องเสียบสายมาตั้งค่าอีก

เปลี่ยนรูปที่ขึ้นบนจอย

ในโปรแกรมก็จะมีภาพให้เราเลือกใช้ได้ ของ official เอง แต่ภาพก็ออกแนวติดเรทอยู่เยอะ

มาริโอ กระโดดชกนม

มาริโอ วิ่งหนีกระโจ้ย

กระโจ้ย ยัดลงท่อ ที่มีดอกไม้อยู่ ให้มันอม (ศัตรูในมาริโอ)

เตียงสองชั้น ที่มีคนนอนอยู่บนล่าง คนล่างฝันถึงนม แล้วกระโจ้ยยืดไปโดนคนนอนชั้นบน

ดูเสื่อมๆ Official ปล่อยผ่านมาได้ไงน้อ

แต่ไม่ต้องห่วง เราสามารถเลือกภาพที่เรามี เอามาใช้ได้เช่นกัน

crop ให้เรียบร้อยแล้วรอตัวโปรแกรมมันอัพโหลดเข้าจอยให้ (ต้องเสียบสาย usb ตอนทำ) เป็นอันเสร็จ

Men9
Men9

เปลี่ยนไปมาหลายรูปเลย ว่าจะได้ภาพที่ชอบ

ปรับความหนืดของอนาลอค

ตัวจอยนี้ สามารถปรับความหนืดของการโยกได้ อยากได้แบบอืดๆคอนโทรลง่ายๆเวลาเล่นเกม fps หรือจะเอาแบบเบาๆ แตะนิดเดียวก็ไปแล้ว สำหรับใช้บังคับเกมทั่วๆไป

ก่อนอื่นเราจะต้องแกะแกนอนาลอค และ DPAD ออกก่อน แค่ดึงขึ้นมาเฉยๆเอง

จากนั้นแกะกรอบออก มันติดกันเพราะแม่เหล็ก เพราะฉะนั้นดึงออกมาง่ายๆ ใช้แรงนิดหน่อย ไม่หักแน่นอน

ด้านข้างจะเห็นเหล็กเสียบเอาไว้อยู่ มันคือแกนสำหรับไขหมุนความหนืดของจอย

ข้างๆแกนอนาลอค จะมีที่ไขอยู่

แค่ไขให้ลื่น หรือ หนืด ปรับตามใจชอบ แล้วก็ประกอบกลับเท่านั้นเอง

ความรู้สึกหลังใช้จอยนี้
  • แบตเตอรี่ 1500mAh อยู่ได้นานมาก เคยเล่นเกม 100 ชม โดยไม่ต้องเสียบชาร์จแบตเลย
  • จอยค่อนข้างมีน้ำหนักเยอะมาก 328 กรัม แล้วถ่วงไปตรงที่จับด้านล่างเยอะ บาลานซ์การถ่วงน้ำหนักของจอยไม่ค่อยดีซักเท่าไร คนที่เล่นจอยเบาๆมาอาจจะไม่ชอบตรงนี้
  • ปุ่ม ABXY เป็นปุ่มแบบคล้ายคลิกเม้าส์ คลิกๆ เวลาเล่นเกมที่ต้องสแปมปุ่มมากๆ เช่นเกมแนวมุโซเป็นเวลานานๆ จะปวดนิ้วระดับนึงเลย
  • ตัว DPAD มันติดกันหมดเลย อย่างที่เห็นตอนแกะจอยมาปรับความหนืดของอนาลอค จะเห็นว่า DPAD ติดกันหมด เวลาเล่นเกมแนวๆ Metroidvania จะกดปุ่มผิดบ่อยมาก เพราะมันติดกันหมด บางทีกดขวา ก็ไปโดนเฉียงบนหรือ เฉียงล่างเป็นต้น
  • ปุ่มมาโครด้านหลัง กดง่ายไปหน่อย ชอบเผลอกดโดน (อันนี้อาจจะเป็นปัญหาส่วนตัว)
  • ใส่รูปลงไปบนจอย เอาจริงๆ มันเป็นอะไรที่ไม่ต้องมีก็ได้ เปิดไปแบตหมดไว ยิ่งภาพขยับแบตยิ่งหมดไวกว่าเดิม
  • มีช่วงนึงใช้ๆอยู่ จอยอนาลอค มีเสียงเอี๊ยดๆ เหมือนอะไรข้างในฝืด ทำเอารำคาญมาก เวลาเล่น แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นแล้ว ไม่รู้อะไรเหมือนกัน

แต่โดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นจอยที่ทำมาดีมาก วัสดุแข็งแรงสมราคา คุ้มกว่าซื้อจอย Xbox มาใช้แน่นอน ถ้าใครยังติดการซื้อจอยแค่ PS และ Xbox ลองเปิดใจมาใช้แบบนี้ดูก็ดีนะ

การตั้งระดับเสียงในสตรีมให้เหมาะสมใน OBS

0

หลายๆคนที่สตรีม น่าจะเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับเสียงอะไรราวๆนี้

  • เสียงเกมดังเกิน กลบเสียงพูด
  • เสียงพูด Discord ของเรากับเสียงเพื่อนเราไม่เท่ากัน ใครดังกว่า ใครเบากว่า ทำให้ฟังยาก
  • เสียงเพลงประกอบใน Live ดังเกินไป
Men9
Men9

เมื่อก่อน ปัญหานี้เกิดกับเราบ่อยเหมือนกัน
สตรีมไปเสียงดีไม่ดี ไม่มีใครทักเลย
พอจบแล้วมาดูย้อนหลัง ถึงค่อยมารู้สึกตัว

ในครั้งนี้ เราจะมาเขียนสอนวิธีการตั้งค่าเสียงต่าง ให้ดูเหมาะสมกัน

น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ หรือสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่นะ

ก่อนอื่นแก้ Meter Peak ก่อนเลย

เข้าไปที่ Setting > Audio > Meters

เปลี่ยน Peak Meter Type จาก Simple Peak เป็น True Peak

ใช้ CPU ขึ้นนิดหน่อย แต่คอมยุคนี้ สบายๆแล้ว

การตั้งค่า Meter Peak อันนี้ จะทำให้เรารู้ได้ว่า เสียงที่เล่นออกมานั้น มันอยู่ในระดับไหน

โดยจะมีเส้นสีดำ เป็นตัวกำหนดการ Peak ของเสียง โดยแสดงตำแหน่งได้แม่นยำขึ้นกว่า Simple Peak

เส้นสีดำในแถบเสียง

ในการตั้งค่าในครั้งนี้ เราจะใช้เส้น Meter Peak เป็นตัวกำหนดระดับเสียงต่างๆ

บ้างก็มีคนสตรีมไป เป็นเพลงประกอบคลอๆไป บ้างก็มีคนสตรีมไปคุยกับเพื่อนไป

จะใช้ค่า Peak สูตร M-20 S-55 G-35 C-20


Meter Peak สูตรนี้คือ

M = Microphone ไมค์โครโฟนของเรา -20dB

S = Song เพลงประกอบ -55dB

G = Game เกมที่เล่น -35dB

C = Chat (Discord) เสียงพูดคุยกับผู้อื่น -20dB

หลักการสตรีมที่เราคิดว่า เหมาะสมที่สุดคือ

เสียงพูดต้องดังกว่าเสียงเกม เสียงคุยกับเพื่อนต้องดังเท่ากับเสียงเรา เสียงเกมต้องดังกว่าเพลงคลอ

M+C > G > S

Men9
Men9

สำหรับการตั้งค่าไมค์ สามารถดูได้จากข้อมูลเก่าใน Blog ได้เลย หากผู้ใดมีปัญหาเสียงไมค์ไม่สามารถไปถึง -20dB ได้

หลังจากปรับค่าไมค์แล้ว พยายามตั้งค่าให้เส้นดำ อยู่ที่ระดับ -20dB ตามภาพนี้

เรื่องตั้งค่าไมค์ เราจะข้ามไปเลยละกัน ไปสู่การตั้งค่าเสียง เกม discord และ เพลงคลอในสตรีม เลยละกัน

ปกติเริ่มมาทั่วไปน่าจะใช้ Default Playback ที่อยู่ใน OBS กัน ในครั้งนี้ เราจะลบตรงนี้ออกไปเลย

อันที่ทุกคนควรจะมีอยู่ตั้งแต่แรก

ให้กดรูปลำโพงซ้ายล่าง แล้วคลิกขวา Hide ให้หายสาบสูญไปซะ

กดปุ๊ป หายปั๊ป อย่าลืม Mute ก่อนด้วยล่ะ

มาถึง Step นี้ สิ่งที่จะต้องทำก่อนเลยคือ เปิดเกมที่จะสตรีม

และ Discord เพื่อคุยกับใครอยู่ทิ้งเอาไว้ ให้คอมมันรู้ว่า มีโปรแกรมอะไรกำลังเล่นเสียงอยู่บ้าง

Men9
Men9

หาเพื่อนมาเข้าดิสคอร์ดเอาไว้ด้วยล่ะ

จากนั้นใน OBS ส่วนของ Source ให้เราคลิกขวาตรงที่โล่งๆ แล้วเลือก Application Audio Capture (BETA)

มันก็ BETA อยู่อะนะ อาจจะมีบ้างที่เสียงเพี้ยน
อันนี้คงต้องยอมรับกันบ้าง แต่ก็คาดหวังว่าจะออกจาก BETA ไวๆนะ

เราจะเริ่มที่เสียงเกมที่กำลังเล่น ก็ตั้งชื่อเกมที่เล่นไปก็ได้ จะได้รู้ว่าอันนี้คือเสียงของโปรแกรมอะไร แล้วกด OK

หน้าต่างใหม่ก็จะขึ้นมา ให้เราเลือก Window ไปที่เกมที่เราเล่น และ

Window Match Priority ไปที่ Match title,otherwise find window of same executable

เท่านี้ แถบเสียงเกมก็จะขึ้นมาแล้ว

แต่ก็จะอย่างที่เห็นคือ เสียงเกมดังมากๆ อยู่ในระดับหนกขูเลย จากนี้เราจะมาตั้งเสียงเกมกัน

เริ่มตั้ง Meter เสียง G , S และ C

โดยปกติ ทางเราเน้นเล่นเกม FPS TPS ยิงๆกัน เสียงที่จะดังที่สุดในเกมก็คือ เสียงปืน

ส่วนตัวเราจะแนะนำให้ตั้ง ตอนเกมเสียงดังที่สุด อยู่ระหว่างที่ -35dB ถึง -30dB

วิธีตั้งค่าของเราก็คือ ยิงในเกมไป แล้วดู Meter เอา จากนั้นปรับ Volume ลง เทสไปเรื่อยๆจนกว่าจะอยู่ในจุดที่กำหนด

เมื่อตั้งค่าเกมแล้ว อย่าไปเปลี่ยนเสียงในเกมเพิ่ม หรือ ลดลง ซะล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยว Meter ในส่วนนี้จะเปลี่ยนตามอีก ต้องมาคอยแก้ภายหลังอีก

ควรจะหาระดับเสียงในเกม ที่เราฟังขณะเล่น ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ค่อยมาตั้งค่าตรงส่วนนี้ตามนะ

Men9
Men9

หากเป็นเกมสตอรี่ทั่วไป อาจจะตั้งให้อยู่ที่ -33dB ถึง -27db
ให้ใช้แถบ Meter Peak วัดจากตอนที่เกมเสียงดังที่สุดเอานะ

จากนั้นก็ทำเหมือนเดิมอีก 2 รอบ คือ Add > Application Audio Capture (BETA)

เลือกไปที่ Discord และ เพลงคลอใน Live ในครั้งนี้ เราจะใช้ Spotify

จากนั้นก็ตั้ง Meter Peak ตามที่บอกได้เลย M-20 S-55 G-35 C-20

เมื่อตั้งค่าเสร็จ Audio Mixer ก็จะออกมาดังนี้

Discord เสียงพูดของเพื่อน -20dB

Game เสียงในเกม -35dB ถึง -30dB

Spotify เสียงเพลงคลอ -55dB

TASCAM เป็นชื่อไมค์ของเรา อยู่ที่ -20dB

เสียง Discord จะปรับยังไง?

อันนี้ ต้องเรียกเพื่อนซักคนมาคุยใน Discord แล้วให้เขาพูดอะไรเรื่อยๆ แล้วมาคลิกขวาที่ชื่อเพื่อปรับ User Volume เอานะ

ปรับใน Discord ขณะคุยกันโดยคลิกขวาที่ชื่อเพื่อน

ป้องกันเสียงถูกปรับโดยไม่ตั้งใจ

จากนั้น Lock Volume ไว้ เพื่อกันไม่เผลอไปคลิกโดนระดับเสียง เดี๋ยวระดับเสียงเพี้ยนหมด

จัดแต่งช่อง Sources ใน OBS ให้เป็นระเบียบ

Men9
Men9

อันนี้รักความเรียบร้อยเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องทำตามก็ได้นะ

ให้ Drag Source เสียง G S C จากนั้นคลิกขวาเลือก Group Selected Items

จากนั้นตั้งค่าเป็น Audio

เท่านี้ ก็เรียบร้อยดีแล้ว

Men9
Men9

ครั้งนี้ก็แนะนำการตั้งค่า จบลงที่เท่านี้ล่ะ
การตั้งค่าเสียงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญในการสตรีมมากบางทีหลายๆคน
อาจจะละเลยตรงนี้ไป ก็มีส่วนที่จะทำให้ผู้ชมเลือกที่ไม่ชมช่องของเราก็เป็นได้นะ ยังไงลองเอาไปใช้กันดู แล้วถ้ามีเทคนิคอะไรอยากจะแชร์กับเรา
ลองคอมเม้นต์ใต้โพสนี้กันหน่อยนะ

นานๆทำที อินาริซูชิ

0

อินาริซูชิ คือข้าวปั้นที่ยัดไส้อยู่ในเต้าหู้ที่ต้มหวาน มีทั้งแบบข้าวหุงเปล่าๆแบบโบราณ หรือข้าวที่ปรุงรสต่างๆก่อนนำเข้าไปยัดในเต้าหู้

ที่มาของอินาริซูชิ

คำว่าอินาริ มาจาก เทพเจ้าอินาริ (อินาริโอกามิ) เป็นเทพเจ้าแห่งทุ่งท้องนาข้าว และอินาริซูชิ คือข้าวสวยที่อยู่ในถุงเต้าหู้

มีรูปร่างเหมือนกับถุงกระสอบที่เต็มไปด้วยเม็ดข้าวสารเต็มถุง

ทุกๆวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ของทุกปี จะมีการนำเต้าหู้ทอด หรือ อินาริซูชิ ไปถวายที่ศาลเจ้าอินาริ

โดยจะมีสุนัขจิ้งจอกประจำศาล ที่เชื่อว่าเป็นผู้ส่งสารให้แก่อินาริโอกามิ

เพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ กิจการเจริญรุ่งเรือง สุขภาพที่ดี และความปลอดภัยสำหรับครอบครัว

แน่นอนว่า ที่จู่ๆเราทำกินในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเทศกาลนี้เลย แค่อยากกินล้วนๆ

สมัยก่อน เรารู้จักเมนูนี้จากรายการแข่งทำอาหารญี่ปุ่นของช่องทรูนี่ล่ะ ที่เอาวัตถุดิบชื่อดังของแต่ละจังหวัดมาทำ แล้วเขาก็ทำเมนูนี้

เราก็อยากกินมากๆเลย คิดว่ารสชาติมันน่าจะเป็นแบบนี้ๆแน่ๆ และก็ได้กินครั้งแรกตอนไปญี่ปุ่น ปี 2014 ซื้อกินจากห้างสถานีรถไฟใต้ดินที่โตเกียว

จำได้ว่ากินครั้งแรก เราประทัปใจมาก ชิ้นใหญ่มากๆ และรสชาติเหมือนกับที่เคยคิดเอาไว้เลย กลายเป็นของโปรดไปเลย

ในไทย ถ้าไปกินตามร้านอาหารญี่ปุ่น หรือ ร้านซูชิ จะเป็นแค่อินาริ ที่ห่อด้วยข้าวญี่ปุ่นเปล่าๆจืดๆ คำเล็กๆ ราคา คำละ 50-70 บาท!!!

แพงระเบิด

เมื่อก่อน อยู่ไทยก็จะหากินได้แค่ตามร้านแบบนี้ แต่หลังๆมา พวกร้านขายอาหารญีปุ่นนำเข้าแช่แข็ง หรือ ตามห้างสรรพสินค้าฟูจิ

เริ่มจะมีขายเต้าหู้ต้มหวานแช่แข็งกันบ้างแล้ว เราเลยเริ่มมาทำพวกนี้กินเองได้

ในครั้งนี้ เราซื้อมาจาก shopee เพราะว่า เดี๋ยวนี้บ้านย้ายมาอยู่นอกกรุงเทพละ จะให้เข้าไปซื้อมาทำกินก็ดูจะเหนื่อยเกิน

ยุคนี้ อยากได้อะไรก็สั่งเดลิเวอรี่เอา ง่ายชะมัด แต่ก็นะ ค่าส่งรถเย็น ก็จะแพงหน่อย อันนี้กัดฟันจ่ายๆไป (170 บาท)

มาจ้องดูดีๆ อันนี้เราสั่งจาก shopee ขาย 210 บาท เขาซื้อมาจากร้านฟู๊ดโปรเจ็ค ซึ่งร้านนี้ขาย 170 บาท

ตอนแรกเราไปดูในเว็บฟู๊ดโปรเจคแล้ว แต่ของหมด เลยต้องจำใจสั่งใน shopee แทน

เพิ่งมาเห็นตอนเขียน blog นี่ล่ะ ว่าเขาซื้อของร้านที่เราจะไปซื้อทีแรกมาขายแพงกว่าเดิมนี่หว่า

เอาล่ะช่างมันๆ มาดูสูตรอาหารกันดีกว่า ในครั้งนี้เราจะทำ อินาริซูชิ แบบข้าวปรุงรส เน้นรสชาติอ่อนๆ ตัดด้วยหวานๆของเต้าหู้ และหอมหวลจากงาคั่ว

วัตถุดิบ

ข้าวสาร ข้าวญี่ปุ่น 2 ถ้วย
ถั่วแระ แกะเปลือก 1 ถ้วย
เห็ดหอมตากแห้ง 6 ดอก
เต้าหู้ทอดปรุงรส 1 แพ๊ค (30 แผ่น)
งาขาวคั่ว ปริมาณตามความชอบ

เริ่มจากหุงข้าวก่อนเลย สัดส่วน ข้าวสาร 2 ถ้วย น้ำ 2 ถ้วย และใส่ถั่วแระลงไปหุงด้วยเลย

เอาเห็ดหอมตากแห้ง ไปต้มน้ำเดือด เพื่อให้นิ่มไว ถ้ามีเวลาเหลือเฟือ ก็แช่น้ำระยะยาวก็ได้นะ

เอาเต้าหู้หวาน มาสับละเอียด สำหรับเป็นส่วนไส้ คลุกในข้าว ประมาณ 7-8 แผ่น

เห็ดหอม พอนิ่มแล้วก็เอามาบีบไล่น้ำออก แล้วสับละเอียด สำหรับใช้คลุกในข้าวเหมือนกัน

มาต่อกันที่ เต้าหู้หวาน สำหรับใช้ห่อกันเลย

วิธีการหั่นก็จะมีสองแบบคือ สี่เหลี่ยม แบบคันโต และ สามเหลี่ยม แบบคันไซ
แต่ของที่เราซื้อมา มันไซส์แค่ 6×6 ซม เอง เอามาทำแบบสามเหลี่ยม มันดูไม่ค่อยสวย

ส่วนน้ำที่อยู่ในถุงเต้าหู้ ก็เก็บไว้ สำหรับใช้คลุกในข้าวเช่นกัน

ข้าวหุงเสร็จแล้วก็นำ เต้าหู้สับละเอียด เห็ดหอมสับละเอียด และน้ำจากเต้าหู้ ผสมรวมกันในข้าว

คลุกให้เข้ากันเลย แล้วปล่อยให้เย็นลงหน่อย

จากนั้นก็เอางาคั่วหอมๆ มาใส่คลุกให้ทั่วข้าวเลย

แล้วก็เอาเต้าหู้ที่หั่นเตรียมไว้ มาแหวกตรงกลาง โดยปกติแล้ว มันจะมีช่องข้างในแหวกง่ายๆเลย

ตักข้าวเข้าไปยัดๆๆ ให้เป็นก้อน

ทำจนข้าวหมดหม้อ ทำไปกินไป ออกมาทั้งหมด 45 คำ

เท่านี้พร้อมกินแล้ว

ถือว่าเป็นของกินที่อร่อย และทำง่ายมากๆ ถ้าหาซื้อเต้าหู้หวานได้ แนะนำลองทำกันดูนะ

ไส้ใน จริงๆไม่จำเป็นต้องทำแบบเราก็ได้ อันนี้แล้วแต่คนชอบเลย ชอบกินอะไรเลือกใส่ได้เลย

แต่แนะนำว่า อย่าใส่พวกเนื้อสัตว์ข้างใน เราว่ามันไม่เข้ากันแฮะ ควรจะกินคู่กันไปดีกว่า

เช่นพวก ไก่ทอดแห้งๆกินกับอินาริซูชิ น่าจะเข้ากว่าเอาเนื้อใส่เข้าไปด้วยนะ

พ่อเราไม่เคยกินมาก่อน ลองกินไปก็บอกว่าอร่อยดี ใช้ได้เลย

Men9
Men9

แน่นอน ฝีมือระดับเรา

เอามากินคู่กับออเนียนริง (หอมทอด) กับเล่นเกม 15+ อร่อยเลยล่ะ

กลายเป็นคนเสพย์ติดป๊อปคอร์น เลยทำกินแบบปกติไม่ได้แล้ว

0

ป๊อปคอร์นนี่ ถือว่าเป็นของที่บ้านๆทั่วไป มักไม่ค่อยมีคนทำกินที่บ้านกันซักเท่าไหร่ (แต่ก็มีบ้านที่ทำกินเองล่ะนะ)

โดยทั่วไป จะได้กินจริงๆจังๆก็คงจะเป็นตอนไปโรงหนัง ปกติเราก็ไม่ทำป๊อปคอร์นกินเอง ทั้งๆที่มันทำง่ายชะมัดเลยแต่ไม่ยอมทำ

แล้วทำไมเราถึงกลายเป็นคนเสพย์ติดป๊อปคอร์นน่ะเหรอ?

คือด้วยความเครียดจากการทำงาน เราจึงลาออกจากงานมา

และช่วงที่ว่างงาน เราก็ต้องประหยัดเงินมาก เราเลยเลิกซื้อขนมกิน เปลี่ยนมาทำป๊อปคอร์นกินแทน

แล้วก็เสพย์ติดหนักเลย กินแทบทุกวัน เวลาเล่นคอม เล่นเกม ดูหนัง

เราจะทำโดยซื้อเมล็ดดิบ มาทำเองล้วนๆ ไม่ซื้อแบบที่พร้อมเข้าไมโครเวฟ เพราะพวกนั้นใส่เนยเยอะ
น้ำมันก็ซึมออกมาจากห่อกระดาษ กินแล้วเลอะเทอะมือมาก ไม่ชอบเลย

ป๊อปคอร์นนั้นอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง เป็นต้นได้อีกด้วย

วิธีการทำป๊อปคอร์น ก็แค่ใส่กระทะ ใส่เนย หรือน้ำมัน ให้ท่วมเมล็ดข้าวโพดดิบ แล้ว ปิดฝากระทะ รอให้มันระเบิดออกมา แปปเดียวก็ได้แล้วชามใหญ่ๆ

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆที่บ้านคือ กระทะ โดนใช้แย่งไปทำอาหาร แล้วที่บ้านเรา เขาชอบผัดอาหารแล้วทิ้งไว้ในกระทะ ไปตักราดข้าวกินเอาเอง

ทำให้ไม่มีกระทะใช้ทำป๊อปคอร์น เราก็เลยซื้อเครื่องสำหรับทำป๊อปคอร์น มาใช้โดยเฉพาะเลย

เครื่องนี้เราซื้อมาราคา 718 บาท (ใช้โค๊ดลดราคา จาก 830 บาท)

หน้าตาเหมือนหม้อสุกี้ราคาถูกๆแนวๆนั้นเลย

ฝาอันนี้ จะเอาไว้หลังจากป๊อปคอร์นเสร็จแล้วก็ใส่ลงไปด้านบน แล้วก็คว่ำโดมกลับมา กลายเป็นชามป๊อปคอร์นไปเลย

หลักการของเครื่องนี้คือ กระทะจะทำความร้อนไปเรื่อยๆ แล้วแกนเหล็ก ก็จะหมุนกวาดเมล็ดข้าวโพดไปเรื่อยๆ เพื่อให้เมล็ดที่ซ้อนกัน มันโดนความร้อนทั่วถึง

เริ่มทำกันเลย ก่อนอื่น เราก็จะเอา ข้าวโพดมาใส่น้ำมัน คลุกให้ทั่วก่อน ค่อยใส่ลงไป (เราไม่ชอบกลิ่นเนย เลยใช้น้ำมัน)

เอามาเกลี่ยให้ทั่ว แล้วเปิดเครื่องเลย

หมุนๆ

ถ้าไม่รีบปิดฝาล่ะก็เป็นเรื่องแน่นอน น้ำมันกระเด็นไปหมด

เริ่มระเบิดเรื่อยๆละ

ดูข้างๆละเพลินมาก อารมณ์ดูเครื่องซักผ้าทำงานอยู่เลย

พอเสร็จแล้วก็ปิดฝาด้านบน แล้วกลับด้านเลย

เรียบร้อยแล้ว พร้อมกิน

มัวแต่ถ่ายวิดีโอ จริงๆหลังจากไม่มีเสียงระเบิดแล้ว ต้องหยุดทำงานละ แต่ถ่ายเพลิน มีไหม้บ้างนิดหน่อยเลย

รอบนี้ซื้อ ผงชีสออนเนียน(หัวหอม) มาด้วย กินเข้าไปแล้วแบบ ชีสอยู่ไหนวะ หาไม่เจอ มีแต่หวานๆกับกลิ่นหัวหอมแรงมากๆเลย ก็อร่อยไปอีกแบบนึง

หลังจากทำเสร็จก็มานั่งดูคู่มือ อ้าวเห้ย ห้ามใส่น้ำมันซะงั้น ไอร้านที่ขายมันบอกใส่ได้ ในคลิปที่มันโชว์ก็ใส่น้ำมัน สรุปยังไงแน่ 555

แถมเพิ่มเติม เกี่ยวกับสายพันธุ์เมล็ดป๊อปคอร์น

โดยทั่วไปป๊อปคอร์นจะมีขายอยู่สองสายพันธุ์

คือ ซ้าย พันธุ์บัตเตอร์ฟลาย และ ขวา พันธุ์มัชรูม

บัตเตอร์ฟลาย มาจากแม็กซิโก และ มัชรูม จากอเมริกา (ข้อมูลถูกไหมไม่รู้ อ่านๆมาจากคนอื่นอีกที)
โดยทั่วไปตามท้องตลาด ร้านค้าต่างๆที่ขายเมล็ดข้าวโพดดิบ จะเป็นพันธุ์บัตเตอร์ฟลายกันหมดเลย

รสสัมผัสของบัตเตอร์ฟลาย จะเป็นไปในทางกรอบ เคี้ยวมันส์ เหมาะกับการปรุงรสเค็มอย่างเช่น
เกลือ เนยเค็ม ชีส บาร์บิคิว เป็นต้น เพราะว่าพื้นผิวของป๊อปคอร์น มีจุดให้ผงปรุงรสไปเกาะได้ดีกว่ามัชรูม
วิธีทำก็ทำได้ง่ายกว่ามัชรูมมากๆ แค่ใช้กระทะปิดฝาง่ายๆ เบสิคมากๆ

ส่วนมัชรูม จะเป็นเมล็ดพองๆ รสสัมผัสจะเป็นหนึบ มีเนื้อให้เคี้ยว มีสัมผัสกรอบเบาๆ แค่ภายนอก เหมาะกับการทำรสหวาน
เคลือบคาราเมล ช๊อคโกแลต เป็นต้น เพราะผิวเป็นวงกลม ผงปรุงรสจะเกาะติดยากหน่อย ไม่เหมือนพวกคาราเมลเหนียวๆ เกาะติดไปเลย
การจะทำให้พองออกมาสวยๆนั้นยากหน่อย ใช้กระทะทั่วไปจะทำยาก ต้องมีเทคนิคการคั่วหรือการเขย่าหม้อให้ถูกวิธี
ไม่งั้นบางเมล็ด จะระเบิดออกมาเป็นบัตเตอร์ฟลายแทน และไหม้ง่ายมาก เพราะมันพองจนแน่นหม้อ ขนาดเราใช้เครื่องทำ ยังมีไหม้บ้างเล็กน้อยเลย

ถ้าใครอยากหาซื้อพันธุ์มัชรูม ลองเซิจหาตามช๊อปปี้ดูนะ ราคาต่างกินนิดเดียว ร้านข้างนอกหาซื้อยาก

โดยส่วนตัวเราชอบบัตเตอร์ฟลายกว่ามัชรูม
กินคำแรกๆมันก็โอเคแหละ แต่กินละเบื่อไว ทำมากินไม่หมดเลย

สรุป

  1. สิ่งแรกที่ประทัปใจเลยคือปกติเวลาเราทำป๊อปคอร์นด้วยกระทะเนี่ย จะมีปัญหาเรื่องเมล็ดข้าวโพดดิบประมาณ 5% จะไม่ระเบิดออก จะเหลือเป็นเม็ดแข็งๆประจำ แต่กับเครื่องนี้คือ มีแค่ 1 เม็ดเท่านั้น ที่ไม่ระเบิด นอกนั้นระเบิดหมดเลย เป็นเพราะว่ามันมีก้านเหล็ก ที่เอาไว้คั่วตลอดเวลา ไม่เหมือนเวลาเราทำด้วยกระทะ เราเปิดฝามาคั่วไม่ได้
  2. ล้างยากนิดหน่อย เพราะว่ากระทะจุดทำความร้อนของเครื่องนี้มันแกะแยกออกมาล้างไม่ได้ วิธีล้างจะต้องใช้ฟองน้ำใส่น้ำยาล้างจาน(เพราะเราใช้น้ำมัน) เช็ดให้ทั่ว จากนั้นเอาผ้าเปียกมาเช็ดอีกรอบ แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง ค่อยเก็บเครื่องได้ ไม่สามารถล้างด้วยน้ำได้โดยตรง แต่ถ้ามองว่า เทียบกับการล้างด้วยกระทะ ความยุ่งยากอาจจะน้อยกว่ากระทะละมั้ง (กระทะที่บ้านหนักมาก)
  3. ทำได้ไวมาก แค่ 4 นาที ก็พร้อมกินแล้ว
  4. เครื่องทำราคามันสูงไปหน่อย ถ้าซัก 4-500 น่าจะเหมาะสมกว่านี้ ถ้าใครไม่ได้เสพย์ติดป๊อปคอร์น ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเครื่องนี้เลย แต่ส่วนตัวเราพอใจกับมันดี แต่ก็ต้องมาดูว่าจะใช้ได้นานขนาดไหนล่ะนะ

ไปกินป๊อปคอร์น ดูอนิเมละ

OneComme รองรับภาษาไทยแล้ว

2

จากโพสเดิมที่รีวิวโปรแกรม วันโคเมะ OneComme

ตอนนี้โปรแกรมรองรับภาษาไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะ!

สามารถแก้ภาษาได้ผ่านหน้า Setting ของโปรแกรมได้เลย

แน่นอนว่าคนแปลภาษาไทยโปรแกรมนี้ คือเราเอง! อะแฮ่ม!

วิธีเปลี่ยนภาษา สามารถอ่านได้จากลิ้งค์เก่าได้เลย

บางจุดอาจจะแปลดูแปลกๆบ้าง แต่เราจะค่อยๆแก้ไขให้อ่านง่ายขึ้นนะ เขาก็จะอัพเดทแก้ไขให้เองตามคิวเวอร์ชั่นถัดๆไป

ปกติไม่เคยรับงานแปลอะไรแบบนี้ แต่ครั้งนี้เราสมัครใจเข้าไปขอเจ้าของโปรแกรมเขาแปลโดยตรงเลย

เพราะอยากให้คนไทยมีโปรแกรมอะไรแบบนี้ใช้กันบ้าง

เพราะตอนนี้มักจะเจอแต่พวกโปรแกรม standalone เฉพาะเว็บนั้นๆอะไรแบบนี้

แต่อันนี้มันรองรับเว็บใหญ่ๆซะส่วนใหญ่หมดเลย ก็เลยทำให้ใช้ได้ทั่วถึงกันหมด

ว่าแต่พอมาทำงานแปลแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมบางทีอ่านโปรแกรมที่มีภาษาไทยแท้ แต่อ่านแล้วไม่เข้าใจ

มันเป็นเพราะว่าต้นทางเขาให้ตาราง Excel ที่มีภาษาต้นฉบับ และภาษาอื่นๆ รวมกัน ให้เรามาแปลภาษาใส่เข้าไป

แต่ปัญหาคือ เราไม่รู้บริบทของคำแปลนี้ ว่าหมายถึงอะไร ตรงไหน ทำให้เลือกใช้คำแปลได้ยากมาก

พอมาเจอแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่ทำไมเราอ่านพวกเกมภาษาไทย หรือ โปรแกรมภาษาไทยไม่ค่อยรู้เรื่อง

มันเป็นเพราะงี้ล่ะ คนแปลไม่ได้แปลมั่ว ใช้คำไม่เป็น เพียงแต่ไม่รู้บริบทที่เหมาะสมกับคำแปลนี่เอง

ลองใช้กันดูนะ ผู้พัฒนาชาวญี่ปุ่นเขายินดีมากๆ ที่โปรแกรมของเขาจะมีคนไทยมาใช้กันด้วย

หากพบเห็นสิ่งปกติอะไร แจ้งผ่านคอมเม้นได้เลยนะ เดี๋ยวจะแก้ไขให้ภายหลังนะ

OneComme โปรแกรมที่ช่วยควบคุมแชท ให้สตรีมเมอร์ชีวิตง่ายขึ้น

0
  • เกี่ยวกับโปรแกรม
  • ดาวน์โหลดโปรแกรม
  • วิธีใช้งานเบื้องต้น
  • ระบบอ่านแชท
  • Chat Widget
  • เข้าร่วม Pro

ในครั้งนี้จะมาแนะนำโปรแกรมสำหรับสตรีมเมอร์ ชื่อว่า わんコメ วันโคเมะ

คำว่า วันโคเมะ มาจาก

วัน – เสียงเห่าของหมา ของญี่ปุ่น วั่นวั่น (โฮ่งโฮ่ง)
โคเมะ – คอมเม้นต์

แปลเป็นภาษาไทย อาจจะฟังดูความหมายแปลกๆ เหมือนฟังเสียงเห่าในคอมเม้น 555
แต่ไม่ใช่หรอก มาสคอตของผู้พัฒนาคนนี้คือ หมา เขาเลยใช้เสียงโฮ่ง (วัน) แค่นั้นเอง

ถามว่าโปรแกรมนี้เรามองว่ามันดียังไง ก็จะอธิบายแบบง่ายๆดังนี้

รองรับหลากหลายแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง

สามารถต่อเข้ากับหลากหลายแพลตฟอร์มพร้อมกันดังภาพด้านใต้นี้ และรวมแชทจากทุกเว็บมาแสดงในหน้าเดียวกันได้ ง่ายต่อการอ่าน และปรับแต่งให้ใช้งานง่าย

สำหรับคนไทย ก็คงจะมีแค่เว็บ Twitch , Youtube และ Kick (อาจจะมีคนใช้บ้าง?) ที่สามารถนำโปรแกรมนี้มาใช้ได้ และเห็นว่าอัพเดทถัดไปรองรับ TikTok แล้ว

อินเตอร์เฟซดูสบายตาใช้งานง่าย


สามารถเปลี่ยน Light/Dark Theme ได้ ตามความชอบของแต่ละผู้ใช้งาน

จะรวมหรือแยกระหว่างข้อความของแต่ละแพลตฟอร์มก็ได้ สำหรับระบบ Subscription , Super Chat มีช่องแยกสำหรับให้สังเกตุง่ายๆ

ใช้ Text to Speech ได้ !!

ในโปรแกรมมีการรองรับการอ่านคอมเม้นใน Live ให้ฟัง โดยใช้ Voice Narrator ของวินโดว์มาอ่านให้ สามารถปรับความดังในการอ่าน ความเร็วในการอ่าน และปรับโทนเสียงในการอ่านคอมเม้นได้ และแน่นอนว่าใช้ภาษาไทยได้ด้วย

เพียงแต่แย่อย่างนึงคือ ประเทศไทย มีแค่เสียงเดียวคือ Microsoft Pattara แรกๆฟังอาจจะแปลกๆ แต่ใช้ไปซักพักก็ชินไปเอง

วิธีใช้ของส่วนนี้จะอยู่ใน Tab ระบบอ่านแชท ด้านบนของบทความนี้

มี Chat Widget สำหรับนำไปใส่ใน Live ได้

เพียงแค่นำ Chat Widget Template ที่มีอยู่ในโปรแกรม ไปใส่ใน Browser Source ของ OBS ก็ใช้งานได้แล้ว โดยแชทของทุกเว็บจะขึ้นมาแสดงบนหน้า Live ให้ผู้ชมจากแพลตฟอร์มอื่นสามารถอ่านได้ว่า มีคอมเม้นอะไรมาบ้างจากเว็บต่างๆ

วิธีใช้ของส่วนนี้จะอยู่ใน Tab Chat Widget ด้านบนของบทความนี้

เก็บข้อมูลของผู้ชมทั้งหมด

สามารถเช็คประวัติของผู้ชม รวมถึงแก้ชื่อของผู้ชมได้ กรณีจำชื่อไม่ได้ ก็สามารถ Rename เป็นชื่อที่เราตั้งได้ เพื่อป้องกันการเรียกผิดคน และใส่ Note ได้ว่าคนนี้เป็นใคร เช่น Mod และมีรวมประวัติว่าแชทมาจากที่ไหน เคยแชทมากี่ครั้ง ได้โดเนทจากคนนี้กี่ครั้งอีกด้วย

[PRO] ระบบ Poll โดยดักจับจากข้อความในแชท

สามารถให้ผู้ชมร่วมโหวตโดยเพียงแค่พิมพ์ข้อความเท่านั้นก็ถือว่าเป็นการร่วมโหวตแล้ว แต่โหมดนี้สำหรับผู้ที่จ่ายเงินเข้าร่วม Pro เท่านั้นถึงจะใช้ได้

อยากลองใช้แล้ว

ถ้าอ่านแล้วสนใจลองใช้ ก็เริ่มไปดาวโหลดเลย

โดยไปที่ Tab ดาวน์โหลดโปรแกรม ที่ด้านบนของบทความได้เลย

ดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่เว็บไซต์ https://onecomme.com/

Windows https://onecomme.com/download?t=win
Mac https://onecomme.com/download?t=mac

กดติ้กที่ 規約に同意する แล้วก็กดปุ่มสีส้ม ダウンロード ได้เลย

เมื่อโหลดโปรแกรมแล้วลงเสร็จแล้ว ไปอ่านที่ Tab วิธีใช้งานเบื้องต้น ต่อได้เลย!

เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ

ครั้งแรกที่เปิดโปรแกรมมา คิดว่าน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่นกันหมด

เริ่มจากกด … ที่ด้านขวาบนของโปรแกรม แล้วเลือก 設定 ที่บรรทัดแรกสุด

จากนั้นดูแถบเมนูด้านบนสุดเลือกไปเมนูขวาสุด その他 จากนั้นเลือก 言語 จาก 日本語 เป็น English(US) โปรแกรมจะให้เรากด 再起動 (Restart) โปรแกรมครั้งนึง แล้วกลับมาเป็นภาษาอังกฤษให้

เริ่ม Connect สู่แพลตฟอร์มที่เราใช้งาน

ที่หน้าโปรแกรมเราจะเห็นด้านบน จะมีตารางที่เขียนว่า Stream Name และ Stream URL อยู่
ตรงนี้จะให้เราใส่ข้อมูลเว็บสตรีมที่ใช้งานอยู่ เราก็ใส่ URL ของช่องไปได้เลย ยกตัวอย่างของเรา

Twitch : https://www.twitch.tv/men9ch
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UC4Dl6_GrujgxyR25a9rm4Sw

1 แถว จะใส่ได้เพียง 1 Channel ต้องการจะใส่ช่องอื่นเพิ่มก็กดปุ่ม ADD ด้านซ้ายบน เพื่อเพิ่มบรรทัดได้

สำหรับ Youtube ให้กดล๊อคอินด้วย โดยกดที่ไอค่อน Youtube ตรงด้านซ้ายของปุ่ม Commenters

เมื่อล๊อคอินเสร็จ ปุ่มจะกลายเป็นสีเขียว

ตั้งค่า 4 อัน ของช่อง

ที่ด้านขวาของช่องที่เราใส่ลงไป จะมีปุ่มอยู่ด้านขวาอยู่

Speech – เปิด/ปิด ให้อ่านออกเสียงคอมเม้นต์ของช่องนี้
Persist – เปิด/ปิด การเก็บข้อมูลของแชทช่องนี้
Export – เปิด/ปิด การนำคอมเม้นต์ของช่องนี้ไปแสดงบน Chat Widget
Connect – เชื่อมต่อ เพื่อนำข้อความจากช่องนี้ มาแสดงบนโปรแกรม

ห้ามลืม

อย่าลืมเปิด Connect ช่องเอาไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นโปรแกรมจะไม่นำคอมเม้นขึ้นมาแสดงบนโปรแกรมให้นะ!

แก้ชื่อผู้ชม

หลังจากที่เริ่มใช้งานแล้วมีผู้ชมเข้ามาพูดคุยแล้ว อยากจะเปลี่ยนชื่อผู้ชม เป็นชื่อที่เราจำได้ ก็สามารถเข้าไปที่ Commenters แล้วแก้ Nickname เป็นชื่อที่ต้องการได้เลย จากนั้นในหน้าอ่านแชท ก็จะแสดงชื่อที่เรากำหนดไว้แทนเอง

ระบบอ่านแชท Text to Speech

คือระบบอ่านออกเสียงข้อความ โดยให้ Narrator ของวินโดว์เป็นผู้อ่านให้

โดยเริ่มจาก ต้องไป Install เสียงภาษาไทยก่อน

ลงเสียงภาษาไทย

กดที่ปุ่ม Windows+I จากนั้นเลือก Time & Language > Language & Region

ในส่วนของภาษาไทย ให้กด … แล้วเลือก Language Options

แล้วดูที่ Text-to-speech ว่าเป็น Installed รึยัง ถ้ายังให้กด Download รอจนเสร็จ

ก็จะกลายเป็น Installed ดังภาพ

เมื่อลงเสร็จแล้ว ให้กลับไปที่โปรแกรม กดเข้า … Settings แล้วดูที่แถบ Speech

ในส่วนของ Speech Voice ถ้ามี [th-TH] Microsoft Pattara – Thai (Thailand) แปลว่าลงเรียบร้อยแล้ว

ถ้าดาวโหลดแล้วไม่มีขึ้น ให้ Restart โปรแกรมใหม่ดูนะ

ตั้งค่าเสียงอ่านแชท และอื่นๆ

Speech Volume ระดับเสียงในการอ่านแชท
Speech Speed ความเร็วในการอ่านแชท
Speech Voice Pitch โทนเสียงในการอ่านแชท
Comments’ character speech limit ความยาวของข้อความ ที่จะให้อ่าน (ถ้าเกินนั้นจะหยุดตรงที่จำนวนนั้น)
Exclude Emoji ไม่อ่านชื่อ emoticon
Don’t read cusotm stamps (YT) ไม่อ่าน stamp ของ Youtube
Emoji or image limit ให้อ่านชื่อ emoticon แบบมีกำหนดจำนวนครั้งของ emoticon
Read system messages หากกดติ๊กเอาไว้ ระบบจะทำการอ่าน connected youtube connected twitch ทุกครั้ง (ไม่แนะนำ)

แก้คำอ่านออกเสียง

ด้วยเหตุว่า ภาษาไทยนั้นเป็นภาษาที่ค่อนข้างจะซับซ้อน และเข้าใจยาก ในบางคำอ่านนั้น Narrator จะทำการอ่านเพี้ยน ด้วยเหตุว่า Microsoft ไม่ได้พัฒนาเสียงภาษาไทยมานานแล้ว เราจึงมีแค่ Microsoft Pattara ใช้เท่านั้น และโบราณมากๆแล้ว

เราจะยกตัวอย่างคำง่ายๆ ที่จะได้เจอกันบ่อยๆเลยก็คือ เสียงหัวเราะ 5555 เราเห็นก็รู้ว่ามันคือเสียงหัวเราะใช่มะ แต่ Narrator จะทำการอ่านเป็น ห้าพันห้าร้อยห้าสิบห้า บางคนมี 55555+ บวกเข้ามาอีก กลายเป็น ห้าหมื่นห้าพันห้าร้อยห้าสิบห้าบวกล เราจึงต้องทำการแก้คำอ่าน (Speech Replacement) เองหมด อย่างเช่นในภาพด้านล่างนี้ แก้ให้อ่านแค่ว่า ฮ่าฮ่า แทนหมดเลย

หากคิดคำอะไรออก ก็ใส่เข้าไปเลย เหนื่อยหน่อย แต่เหนื่อยทีเดียว ^^”

ตั้งให้ไม่อ่านข้อความของ user

หลายช่องอาจจะมี Bot อยู่อีก เราก็เอาชื่อ Bot ใส่เข้าไปเท่านั้น

อย่าลืมติ๊ก เปิด/ปิด Speech ด้วย

อย่าลืมกดเปิดหรือปิด ในหน้าอ่านแชทด้วย ไม่เช่นนั้นมันจะไม่อ่านให้นะ อยากให้อ่านของที่ไหนก็เลือกเอาเลย

Chat Widget

คือแชทของ Live ที่นำไปแสดงอยู่บนหน้าจอ Live โดยตรง

โดยในโปรแกรมก็จะมี Template ให้ใช้อยู่ 17 แบบ (ในเวอร์ชั่น 5.1.7)

สามารถเข้าไปเลือกใช้ โดยกดที่ … แล้วเลือกที่ Templates

เลือก Templates

เมื่อเจอ Templates ที่ถูกใจแล้ว เราก็กดที่ ปุ่ม Popout [↗]

โปรแกรมก็จะเด้ง Browser ขึ้นมา เป็น local ip ของเรา

เราก็ Copy ip นั้นไปใส่ใน OBS ได้เลย

ใส่ Templates บน OBS

ในส่วนของ Sources คลิกขวากด Add > Browser

จากนั้นพิมพ์ชื่อไปว่า Chat Widget หรืออะไรก็ได้ที่เราจำได้ แล้วนำ IP ไปใส่ลงไปแล้วกด OK เท่านี้ Chat ก็จะขึ้นมาแล้ว

แต่แชทก็จะอยู่ค้างแบบนี้ตลอดเลย หากเราต้องการแก้ไข ให้แชทเด้งขึ้นมาแค่กี่วินาที หรือปรับเปลี่ยนฟ๊อน เปลี่ยนขนาด Icon ก็สามารถไปทำได้ที่ Template Editor

Template Editor

เข้าไปที่เว็บ https://onecomme.com/generator/templates/

เนื่องจากในเว็บ Template Editor ยังไม่มีภาษาอื่นนอกจากภาษาญี่ปุ่น เราจะแปลให้โดยคร่าวๆให้แก้ไขง่ายๆ

เลือกไปที่ เวอร์ชั่น 5.1 5.2 Beta

ก็จะเป็นหน้าตาแบบนี้ ด้านซ้ายคือการตั้งค่า ด้านขวาคือ ตัวอย่างที่ออกมา โดยแต่ละ template การตั้งค่าจะไม่เหมือนกันด้วย

ก่อนอื่น รู้จักปุ่มสีเทากันก่อน

テスター Tester – ทดลองพิมพ์คอมเม้นลงไปว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
リロード Reload – กดเพื่อ Refresh หน้าใหม่ กรณีแก้ไขแล้วไม่เปลี่ยนตามที่ตั้งค่า
リセット Reset – ยกเลิกการตั้งค่าทั้งหมด กลับไปเริ่มต้นใหม่
エクスポート Export – นำการตั้งค่าออกมาเป็นไฟล์ json
インポート Import – นำเข้าไฟล์ตั้งค่ามาแสดงในหน้านี้

ปุ่ม Tester จะเป็นปุ่มที่ได้ทดลองใช้มากที่สุด เมื่อกดแล้วจะมีหน้าต่างนึงขึ้นมา

サービス ( Service )
ให้เลือกช่องทางที่จะทดสอบข้อความ (การแสดงของแต่ละเว็บไม่เหมือนกันจึงมีให้เลือก)
ギフト (Gift , Cheer)
ให้เลือกว่าจะแสดงข้อความแบบมี Gift หรือ Cheer หรือไม่
なし ข้อความอย่างเดียว あり แสดงข้อความแบบส่งของขวัญ
ปุ่มสีส้ม ทดลองส่งข้อความ

ทดลองแก้ไข Template

ให้เราดูที่ซ้ายบนสุด ベーステンプレート อันนี้คือให้เราเลือกชื่อ Template ตามที่เราเลือกใน Templates 17 แบบ โดยตัวอย่าง เราเลือกเป็น bolt-right มาดูอันนี้กันก่อนเลยละกัน

ベーステンプレート - bolt-right
フォント - แก้ไขฟ๊อนต์
コメント順 - เรียงลำดับข้อความใหม่ไปเก่า
下から上 - จากล่างไปบน
上から下 - จากบนไปล่าง
表示しないサイト - เว็บไซต์ที่ไม่ต้องการแสดงแชท (ให้ติ๊ก)
コメント自動非表示 - ตั้งเวลา แชทหายไป เมื่อถึงเวลา (วินาที)
เมื่อติ๊กด้านหน้า จะมีแถบใหม่ขึ้นมาให้เลือกเวลาแสดงแชทก่อนหายไป
アイコン表示 - แสดงไอค่อนหน้าชื่อ
表示 - แสดง
非表示 - ไม่แสดง
アイコンサイズ - ขนาดไอค่อน (เลื่อนปรับไซส์)
バッジサイズ - ขนาด Badge ไอค่อนหลังชื่อ (เลื่อนปรับไซส์)
コメント文字サイズ - ขนาดข้อความแชท (เลื่อนปรับไซส์)
名前文字サイズ - ขนาดชื่อผู้แชท (เลื่อนปรับไซส์)
コメント間隔(上下) - ความห่างของตัวหนังสือแชท บนล่าง (เลื่อนปรับไซส์) บางเทมเพลตใช้ไม่ได้
名前背景色 - สีของฉากหลังชื่อ
名前枠色 - สีของชื่อผู้แชท
コメント文字色 - สีของแชท
コメント背景色 - สีของฉากหลังแชท

หลังจากเราตั้งค่าทุกอย่างเสร็จแล้ว ที่ด้านล่างของ ベーステンプレート ที่เลือกเทมเพลต จะมีช่องโค๊ด CSS

ให้เราคลิกซ้ายทีนี้ แล้วมันจะ crop ข้อความในนั้นทั้งหมด ให้ Copy แล้วนำไป Paste ที่ Browser Source

ที่เราใส่ไว้ใน OBS จะมีช่อง Custom CSS อยู่ นำไป Paste แล้วกด OK ได้เลย เท่านี้เป็นอันเสร็จแล้ว

Template อื่นๆ

เนื่องจากแต่ละเทมเพลต ก็จะมีการตั้งค่าที่ต่างกัน เล็กน้อย อย่างเล่นการแสดงเข้าออกของอนิเมชั่น กี่ MS บ้างล่ะ ว่ามาจากซ้ายขวา บนล่างบ้างล่ะ ก็ลองเลือก แล้วกดปุ่ม Tester เพื่อแสดงแชทตัวอย่างเพื่อดูผลลัพธ์ของการตั้งค่าเอาดูนะ ถ้าถูกใจแล้วก็แค่กด Copy CSS ไปใส่ ก็จะใช้งานได้แล้ว

สิ่งที่ห้ามลืม

อย่าลืมเปิดโปรแกรม OneComme ขึ้นมาแล้วดูว่า Connect ไปที่แชทนั้นๆแล้วรึยัง ไม่เช่นนั้น แชทจะไม่แสดงนะ !

การจะใช้ Pro Version จำเป็นจะต้องไปสมัครสมาชิก Fanbox ของ OneComme เอาล่ะ

https://one-comme.fanbox.cc

โดยจำเป็นจะต้องเป็นสมาชิก ในราคา 500 yen ต่อเดือน หรือราวๆ 120 บาท

ทุกเดือนเขาจะมีการอัพเดท Pro License key ในนั้น เราก็นำ key ที่เขาอัพเดทไปใส่ในโปรแกรม

อยู่ในหน้าเดียวกับที่เปลี่ยนภาษาโปรแกรมนั่นล่ะ เท่านี้ก็จะใช้ Pro ได้แล้ว จนถึงทุกๆสิ้นเดือน ตอนต้นเดือนก็ต้องกดจ่าย fanbox ให้เขา แล้วก็จะได้เห็น License key ใหม่ของเดือนถัดไป

การจ่าย Pro ก็จะได้ใช้เครื่องมือเพิ่มเติม เทมเพลต เพิ่มเติม ฟีเจอร์เก็บข้อมูล แบ๊คอัพข้อมูลเป็นต้น ถ้ามีเงินจ่ายสบายๆก็ลองใช้กันดูละกันนะ

แน่นอนว่าเราไม่ได้จ่าย คิดว่าใช้แค่ตัวฟรีก็พอแล้ว เพราะคนดูมีมากสุดแค่ 3-4 คน lol

รู้ไหม? ไม่ต้องเป็น Affiliate หรือ Partner บนทวิช ก็สตรีม 8000kbps ได้

0

เชื่อว่าผู้ถ่ายทอดสดบนเว็บ Twitch ล้วนโหยหาการถ่ายทอดสดภาพชัดๆ ถ้าเราหาข้อมูลเกี่ยวกับการสตรีม เราจะเจอแต่ข้อมูลว่า Twitch ให้สตรีมแค่ 6000kbps ซึ่ง Bitrate นี้ ถ้าสตรีมเล่นเกมที่เป็น FPS หรือเกมเร็วๆ แน่นอนสิ่งที่จะเจอก็คือ ภาพเกิดการแตก ในขณะที่ขยับความเร็วสูง เป็นเพราะ Bitrate ไม่พอ

ในครั้งนี้เราจะมาสอนตั้งค่า Bitrate ให้ทะลุ 6000Kbps ไปถึง 8000Kbps ได้เลย ทำให้ภาพชัดขึ้นอย่างแรงมาก เทียบเท่ากับกลุ่ม Partner เลยทีเดียว ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับบิทเรตของแต่ละเว็บกันก่อนดีกว่า

อ้อใช่ก่อนอ่านให้เสียเวลาชีวิต บอกก่อนเลยว่าทำได้แค่กับ OBS เท่านั้นนะ Streamlabs OBS ใช้ไม่ได้เน้อ

เว็บสตรีมต่างๆ รองรับการอัพโหลดสูงสุดกี่ kbps กันบ้าง

ถ้าลองดูกับพวกเว็บใหญ่ๆหลายๆเว็บ จะเห็นว่า Max Bitrate (ค่าอัพโหลด) สูงสุดต่างกันเช่นดังต่อไปนี้

  • Twitch
    – User ทั่วไป ภาพ 6000kbps เสียง 320kbps = 6320kbps ( 6.3MB/sec ) ไม่มี Transcoder
    – Affiliate ภาพ 6000kbps เสียง 320kbps = 6320kbps ( 6.3MB/sec ) มี Transcoder
    – Partner ภาพ 8000kbps เสียง 320kbps = 8320kbps ( 8MB/sec ) มี Transcoder

    Affiliate คือกลุ่มที่ผ่านข้อกำหนดของ Twitch และสามารถรับเงินได้ ผ่านระบบ Cheer และ Subscribe ได้เหมือนกับ Partner
  • Youtube
    ภาพ 51000 kbps เสียง 160kbps = 51160kbps (50MB/sec) มี Transcoder
  • Facebook Gaming
    ภาพ 9000kbps เสียง 128kbps = 9128kbps ( 9.2 MB/sec ) มี Transcoder

ดูๆแบบนี้จะเห็นว่าเว็บอื่น ที่ไม่ใช่ Twitch จะอัพโหลดได้เยอะกว่า แต่จริงๆแล้วเว็บพวกนี้จะมีการ Transcoding ภาพก่อนส่งให้เราอีกที

Transcoder อธิบายง่ายๆคือ สามารถเปลี่ยนความละเอียด LIVE ได้ 320p 480p 720p 1080p เป็นต้น

อยากยิงสตรีมมากกว่า 6000kbps ใช่ไหม? ไปตั้งค่าเลย

สำหรับคนทั่วไปและ Affliate มันมีวิธีทำให้ยิงสตรีมทะลุ 6000kbps อยู่ โดยง่ายๆเลย

เพียงแค่ไปติ๊กที่ Stream > Ignore streaming service setting recommendation

เท่านี้เราก็ สามารถยิงสตรีมไปที่ Twitch บิทเรทเท่าไหร่ก็ได้แล้ว แต่…!!

ขอให้จำไว้ว่า หากสตรีมเกิน 8320kbps เมื่อใด ระบบของ Twitch จะเจอว่าคุณกำลังทำตัวมีปัญหา และคุณจะอาจเกิดปัญหาตามมาแล้ว เช่น

  1. หากยิงบิทเรตเยอะ คนดูก็ยิ่งต้องใช้เน็ตเยอะตามด้วย โดยจะไม่สามารถปรับ Resolution ได้ เพราะ User ทั่วไปไม่มี Trandscoder (1) โดยจะสังเกตุเห็นว่า ที่ Player ไม่มีปรับ Resolution (ปัญหานี้เกิดกับ Affiliate เช่นกัน)
  2. จอดำ เข้าไปดูสตรีมไม่ได้เลย (2)

(1) จริงๆแล้วใน Twitch เวลาเว็บคนดูน้อย (ไม่รู้ว่าเขากำหนดว่าดูกี่ล้านคือน้อย) ซึ่งช่วงเวลานั้น User ทั่วไป
ที่สตรีมในเว็บ จะมีโอกาสได้ Transcoder ในช่องด้วยคือคนดูสามารถปรับความละเอียดดูได้
(2) เปิดช่องมาจอดำ ต้องโหลดหลายที กว่าจะดูได้ และซักพักอาจจะเป็นอีกได้

แล้วต้องตั้งค่ายังไงล่ะ?

ส่วนตัวแนะนำว่า ให้ตั้งค่าที่ 7800 kbps + เสียง 160 kbps = 7960 kbps ( 7.9MB/sec )

นี่คือค่าบิทเรตที่เราคิดว่าเหมาะ และดีที่สุดแล้วสำหรับการสตรีมบนเว็บ Twitch และใช้ 1080p 60fps

แต่ถ้าตั้ง 720p 60fps ภาพจะยิ่งคมมาก และไม่แตกเลย ถึงแม้ว่าภาพจะเร็วขนาดไหนก็ตาม (อาจจะพูดเว่อร์ไปหน่อย)

จากภาพจะเห็นว่า Playback Bitrate ไปถึง 8103Kbps เลย ขณะภาพมีความเคลื่อนไหวสูง

และยังเลือก Resolution ได้อีกด้วย เพราะเป็น Affiliate อยู่

เมื่อก่อนเราใช้ Xsplit เพื่อสตรีมบน Twitch เกิน 6000kbps แต่หลังๆมาบริษัท Xsplit แลดูใกล้จะเจ๊งละ ปรับลดราคาโปรรายปี และตลอดชีพ แบบถูกเว่อร์ แต่ไม่อัพเดทมา 15 เดือนละ กำลังเสียใจเลย ต้องกลับมาทนใช้ OBS 6000kbps แบบเดิมแล้วเหรอเนี่ย จนกระทั่งมาเจอทริคนี้นี่ล่ะ เลยอยากเอามาบอกๆกัน ยุคนี้แล้ว เน็ตใครๆก็เหลือเฟือ คอมใครๆก็เหลือเฟือ สำหรับความละเอียดแบบนี้ ลองใช้กันดูนะ

จริงๆเคยมีคนทดลองแล้วว่าสามารถยิงได้ถึง 2-30000kbps เลย แต่อีกไม่นานก็จอดำ เพราะฉะนั้นอย่าไปฝืนทำเลย ใช้อย่างที่เราแนะนำนี่ล่ะ ดีที่สุดๆแล้วล่ะ

รู้สึกรำคาญที่ต้องแบ๊คอัพไฟล์ก่อนฟอร์แมตคอม? ก็ย้ายตำแหน่งเก็บไฟล์ตั้งแต่แรกเลยสิ!

0

เมื่อพูดถึง ฟอร์แมตคอม & ลงวินโดว์ใหม่ & ล้างเครื่อง แล้วแต่วิธีพูดของแต่ละคน แต่ความหมายนั้นเหมือนกัน

มักจะมีคำพูดที่ตามมาคือ โอ้ย ขี้เกียจแบ๊คอัพ ขอเวลาเก็บข้อมูลในเครื่องก่อน

จริงๆ คนแนวๆนี้มักจะเกิดจาก เอะอะ ไฟล์อะไรก็เหอะ โยนไว้ Desktop หมด ไว้ Drive C หมด ไฟล์ที่ดาวโหลดมา ก็ทิ้งไว้ใน Download Folder ทั้งหมด

แนวๆนี้จะเจอบ่อยมาก กับคนที่ใช้คอมทำงาน หรือกลุ่มคนที่ใช้คอมจริงๆจังๆไม่เป็น เน้นเล่นเกมอย่างเดียว

จริงๆการ Format PC เนี่ย เป็นสิ่งที่เราทำบ่อยมากๆ เวลาเรารู้สึกว่า PC เริ่มรกละ ลงโปรแกรมอะไรเต็มไปหมด เริ่มเกิดปัญหาา เครื่องอืด หรือเพราะลงโปรแกรมอะไรซักอย่าง ทำให้อืด แต่หาตัวการไม่เจอ เรามักจะฟอร์แมต และมักจะโดนเพื่อนทักว่า จะฟอร์แมตอะไรบ่อยๆเนี่ย วุ่นวายตายชัก

ไม่รำคาญที่ต้องมาแบ๊คอัพไฟล์ และลงโปรแกรมใหม่เหรอ?

สบายมาก ไม่เห็นวุ่นวายอะไรเลย

เพียงแค่เราทำให้ทุกอย่างที่มันอยู่ใน C ไปไว้อยู่ที่ไดร์ฟอื่นตั้งแต่แรก ก็จบแล้ว

ไฟล์ที่สำคัญๆ ที่อยู่ในไดร์ฟ C ก็คือ My Documents , Pictures และ Downloads

แต่ว่าวิธีนี้ ใช้ได้กับคนที่แยก Partitions ของ Harddisk หรือมี Harddisk ใน PC หลายไดร์ฟนะ คนที่ไม่ได้แยกทำไม่ได้

ถ้าใครสนใจอยากทำตามวิธีเรา ตอนลงวินโดว์ใหม่ แนะนำให้ลบ Microsoft Onedrive ก่อนเลย

เพราะส่วนใหญ่ที่เราเห็นคือ หลายๆคนมักจะล๊อคอิน อีเมลของ microsoft เอาไว้ ทำให้มันแนบ onedrive ที่เก็บไฟล์ขึ้น Cloud ไว้ด้วย ทำให้โฟลเดอร์ Desktop , My Document มักจะถูกเปิด Cloud Save เอาไว้

จัดการมันก่อนเลย

จากนั้นสร้างโฟลเดอร์ในไดร์ฟอื่น แยกแบบเราก็ได้ Documents Download และ Pictures

อย่างเช่นในภาพนี้ คืออยู่ที่ไดร์ฟ E:/ (จริงๆย้ายไป D:/ แล้ว นี่คือภาพเก่า)

(Live Overlay นี่ไม่เกี่ยว เราทำไว้เก็บข้อมูลอื่นเฉยๆ)

จากนั้นดูที่ Quick Access ด้านซ้ายของในโฟลเดอร์อะไรก็ได้ มันจะมี Desktop Download Documents Pictures ใช่มะ อันเนี้ยคือโฟลเดอร์ที่มันอยู่ในไดร์ฟ C ของวินโดว์ ตั้งแต่แรก แต่เราจะไม่ใช้มันละ เราจะย้ายตำแหน่งมันใช้ไปที่อื่นแทน

ยกตัวอย่างเช่น Documents ก็คลิกขวา แล้วเลือก Properties

ในแถบของ Location เดิมทีมันจะเป็นไดร์ฟ C:/users/xxxx/documents

ให้เราทำการเปลี่ยนไปเป็นไดร์ฟที่เราสร้างแยกไว้ อย่างเช่นของเรา

พอใส่เสร็จก็กด Apply เลย มันจะขึ้นเตือนว่าย้ายตำแหน่งโฟลเดอร์นะ ก็กด Yes ได้เลย

พอเข้า Document ที่ Quick Access จะเห็นว่ามันพุ่งไปหาโฟลเดอร์ที่เราย้ายไป D ให้ทันทีเลย

จากนี้ก็ทำสเตปเดียวกันกับโฟลเดอร์ Downloads , Picture หรือจะเพิ่ม Desktop ก็ได้นะ อันนี้แล้วแต่เลย

เท่านี้ หลังจากนี้ เวลาเราจะฟอร์แมตวินโดว์ ก็ฟอร์แมตได้เลย เพราะมันจะทำการลบแค่ C ส่วนไดร์ฟอื่นอยู่เหมือนเดิม พอลงวินโดว์ใหม่ ก็เพียงแค่เลือก Location ของโฟลเดอร์ ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมตามวิธีนี้

ง่ายนิดเดียวเองใช่ไหม?

ส่วนวิธี Format PC เนี่ย จริงๆไม่ต้องบึ่งไปร้านซ่อมคอมก็ได้ เพียงแค่กด Reset ใน Start มันก็ขึ้นหน้า Reset PC มาแล้ว

เลือก Reset this PC > Get Started

เข้าไป ก็เลือก Delete everything ปล่อยให้มันทำเสร็จ วินโดว์ก็จะกลับมาเป็นแบบเพิ่งลงวินโดว์หมาดๆ โดยเป็นอัพเดทล่าสุดแล้วนะ

ง่ายนิดเดียวเอง เท่านี้อยากฟอร์แมตเท่าไรก็ทำโลด ไฟล์ไม่หายแล้ว ไม่ต้องแบ๊คอัพแล้ว แต่แน่นอนว่าวิธีนี้ โปรแกรมในเครื่องหายหมดนะ ต้องลงใหม่หมด แต่ส่วนตัวเราชอบลงใหม่อยู่ละ ไฟล์โปรแกรมสำคัญๆ ก็เก็บไว้หมด มันเลยทำอะไรง่ายนิดเดียวน่ะ

ลองอ่านนี่ดูแมะ

รันดอมเนื้อหาให้อ่าน