Home Blog Page 2

รู้ไหม? ไม่ต้องเป็น Affiliate หรือ Partner บนทวิช ก็สตรีม 8000kbps ได้

0

เชื่อว่าผู้ถ่ายทอดสดบนเว็บ Twitch ล้วนโหยหาการถ่ายทอดสดภาพชัดๆ ถ้าเราหาข้อมูลเกี่ยวกับการสตรีม เราจะเจอแต่ข้อมูลว่า Twitch ให้สตรีมแค่ 6000kbps ซึ่ง Bitrate นี้ ถ้าสตรีมเล่นเกมที่เป็น FPS หรือเกมเร็วๆ แน่นอนสิ่งที่จะเจอก็คือ ภาพเกิดการแตก ในขณะที่ขยับความเร็วสูง เป็นเพราะ Bitrate ไม่พอ

ในครั้งนี้เราจะมาสอนตั้งค่า Bitrate ให้ทะลุ 6000Kbps ไปถึง 8000Kbps ได้เลย ทำให้ภาพชัดขึ้นอย่างแรงมาก เทียบเท่ากับกลุ่ม Partner เลยทีเดียว ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับบิทเรตของแต่ละเว็บกันก่อนดีกว่า

อ้อใช่ก่อนอ่านให้เสียเวลาชีวิต บอกก่อนเลยว่าทำได้แค่กับ OBS เท่านั้นนะ Streamlabs OBS ใช้ไม่ได้เน้อ

เว็บสตรีมต่างๆ รองรับการอัพโหลดสูงสุดกี่ kbps กันบ้าง

ถ้าลองดูกับพวกเว็บใหญ่ๆหลายๆเว็บ จะเห็นว่า Max Bitrate (ค่าอัพโหลด) สูงสุดต่างกันเช่นดังต่อไปนี้

  • Twitch
    – User ทั่วไป ภาพ 6000kbps เสียง 320kbps = 6320kbps ( 6.3MB/sec ) ไม่มี Transcoder
    – Affiliate ภาพ 6000kbps เสียง 320kbps = 6320kbps ( 6.3MB/sec ) มี Transcoder
    – Partner ภาพ 8000kbps เสียง 320kbps = 8320kbps ( 8MB/sec ) มี Transcoder

    Affiliate คือกลุ่มที่ผ่านข้อกำหนดของ Twitch และสามารถรับเงินได้ ผ่านระบบ Cheer และ Subscribe ได้เหมือนกับ Partner
  • Youtube
    ภาพ 51000 kbps เสียง 160kbps = 51160kbps (50MB/sec) มี Transcoder
  • Facebook Gaming
    ภาพ 9000kbps เสียง 128kbps = 9128kbps ( 9.2 MB/sec ) มี Transcoder

ดูๆแบบนี้จะเห็นว่าเว็บอื่น ที่ไม่ใช่ Twitch จะอัพโหลดได้เยอะกว่า แต่จริงๆแล้วเว็บพวกนี้จะมีการ Transcoding ภาพก่อนส่งให้เราอีกที

Transcoder อธิบายง่ายๆคือ สามารถเปลี่ยนความละเอียด LIVE ได้ 320p 480p 720p 1080p เป็นต้น

อยากยิงสตรีมมากกว่า 6000kbps ใช่ไหม? ไปตั้งค่าเลย

สำหรับคนทั่วไปและ Affliate มันมีวิธีทำให้ยิงสตรีมทะลุ 6000kbps อยู่ โดยง่ายๆเลย

เพียงแค่ไปติ๊กที่ Stream > Ignore streaming service setting recommendation

เท่านี้เราก็ สามารถยิงสตรีมไปที่ Twitch บิทเรทเท่าไหร่ก็ได้แล้ว แต่…!!

ขอให้จำไว้ว่า หากสตรีมเกิน 8320kbps เมื่อใด ระบบของ Twitch จะเจอว่าคุณกำลังทำตัวมีปัญหา และคุณจะอาจเกิดปัญหาตามมาแล้ว เช่น

  1. หากยิงบิทเรตเยอะ คนดูก็ยิ่งต้องใช้เน็ตเยอะตามด้วย โดยจะไม่สามารถปรับ Resolution ได้ เพราะ User ทั่วไปไม่มี Trandscoder (1) โดยจะสังเกตุเห็นว่า ที่ Player ไม่มีปรับ Resolution (ปัญหานี้เกิดกับ Affiliate เช่นกัน)
  2. จอดำ เข้าไปดูสตรีมไม่ได้เลย (2)

(1) จริงๆแล้วใน Twitch เวลาเว็บคนดูน้อย (ไม่รู้ว่าเขากำหนดว่าดูกี่ล้านคือน้อย) ซึ่งช่วงเวลานั้น User ทั่วไป
ที่สตรีมในเว็บ จะมีโอกาสได้ Transcoder ในช่องด้วยคือคนดูสามารถปรับความละเอียดดูได้
(2) เปิดช่องมาจอดำ ต้องโหลดหลายที กว่าจะดูได้ และซักพักอาจจะเป็นอีกได้

แล้วต้องตั้งค่ายังไงล่ะ?

ส่วนตัวแนะนำว่า ให้ตั้งค่าที่ 7800 kbps + เสียง 160 kbps = 7960 kbps ( 7.9MB/sec )

นี่คือค่าบิทเรตที่เราคิดว่าเหมาะ และดีที่สุดแล้วสำหรับการสตรีมบนเว็บ Twitch และใช้ 1080p 60fps

แต่ถ้าตั้ง 720p 60fps ภาพจะยิ่งคมมาก และไม่แตกเลย ถึงแม้ว่าภาพจะเร็วขนาดไหนก็ตาม (อาจจะพูดเว่อร์ไปหน่อย)

จากภาพจะเห็นว่า Playback Bitrate ไปถึง 8103Kbps เลย ขณะภาพมีความเคลื่อนไหวสูง

และยังเลือก Resolution ได้อีกด้วย เพราะเป็น Affiliate อยู่

เมื่อก่อนเราใช้ Xsplit เพื่อสตรีมบน Twitch เกิน 6000kbps แต่หลังๆมาบริษัท Xsplit แลดูใกล้จะเจ๊งละ ปรับลดราคาโปรรายปี และตลอดชีพ แบบถูกเว่อร์ แต่ไม่อัพเดทมา 15 เดือนละ กำลังเสียใจเลย ต้องกลับมาทนใช้ OBS 6000kbps แบบเดิมแล้วเหรอเนี่ย จนกระทั่งมาเจอทริคนี้นี่ล่ะ เลยอยากเอามาบอกๆกัน ยุคนี้แล้ว เน็ตใครๆก็เหลือเฟือ คอมใครๆก็เหลือเฟือ สำหรับความละเอียดแบบนี้ ลองใช้กันดูนะ

จริงๆเคยมีคนทดลองแล้วว่าสามารถยิงได้ถึง 2-30000kbps เลย แต่อีกไม่นานก็จอดำ เพราะฉะนั้นอย่าไปฝืนทำเลย ใช้อย่างที่เราแนะนำนี่ล่ะ ดีที่สุดๆแล้วล่ะ

รู้สึกรำคาญที่ต้องแบ๊คอัพไฟล์ก่อนฟอร์แมตคอม? ก็ย้ายตำแหน่งเก็บไฟล์ตั้งแต่แรกเลยสิ!

0

เมื่อพูดถึง ฟอร์แมตคอม & ลงวินโดว์ใหม่ & ล้างเครื่อง แล้วแต่วิธีพูดของแต่ละคน แต่ความหมายนั้นเหมือนกัน

มักจะมีคำพูดที่ตามมาคือ โอ้ย ขี้เกียจแบ๊คอัพ ขอเวลาเก็บข้อมูลในเครื่องก่อน

จริงๆ คนแนวๆนี้มักจะเกิดจาก เอะอะ ไฟล์อะไรก็เหอะ โยนไว้ Desktop หมด ไว้ Drive C หมด ไฟล์ที่ดาวโหลดมา ก็ทิ้งไว้ใน Download Folder ทั้งหมด

แนวๆนี้จะเจอบ่อยมาก กับคนที่ใช้คอมทำงาน หรือกลุ่มคนที่ใช้คอมจริงๆจังๆไม่เป็น เน้นเล่นเกมอย่างเดียว

จริงๆการ Format PC เนี่ย เป็นสิ่งที่เราทำบ่อยมากๆ เวลาเรารู้สึกว่า PC เริ่มรกละ ลงโปรแกรมอะไรเต็มไปหมด เริ่มเกิดปัญหาา เครื่องอืด หรือเพราะลงโปรแกรมอะไรซักอย่าง ทำให้อืด แต่หาตัวการไม่เจอ เรามักจะฟอร์แมต และมักจะโดนเพื่อนทักว่า จะฟอร์แมตอะไรบ่อยๆเนี่ย วุ่นวายตายชัก

ไม่รำคาญที่ต้องมาแบ๊คอัพไฟล์ และลงโปรแกรมใหม่เหรอ?

สบายมาก ไม่เห็นวุ่นวายอะไรเลย

เพียงแค่เราทำให้ทุกอย่างที่มันอยู่ใน C ไปไว้อยู่ที่ไดร์ฟอื่นตั้งแต่แรก ก็จบแล้ว

ไฟล์ที่สำคัญๆ ที่อยู่ในไดร์ฟ C ก็คือ My Documents , Pictures และ Downloads

แต่ว่าวิธีนี้ ใช้ได้กับคนที่แยก Partitions ของ Harddisk หรือมี Harddisk ใน PC หลายไดร์ฟนะ คนที่ไม่ได้แยกทำไม่ได้

ถ้าใครสนใจอยากทำตามวิธีเรา ตอนลงวินโดว์ใหม่ แนะนำให้ลบ Microsoft Onedrive ก่อนเลย

เพราะส่วนใหญ่ที่เราเห็นคือ หลายๆคนมักจะล๊อคอิน อีเมลของ microsoft เอาไว้ ทำให้มันแนบ onedrive ที่เก็บไฟล์ขึ้น Cloud ไว้ด้วย ทำให้โฟลเดอร์ Desktop , My Document มักจะถูกเปิด Cloud Save เอาไว้

จัดการมันก่อนเลย

จากนั้นสร้างโฟลเดอร์ในไดร์ฟอื่น แยกแบบเราก็ได้ Documents Download และ Pictures

อย่างเช่นในภาพนี้ คืออยู่ที่ไดร์ฟ E:/ (จริงๆย้ายไป D:/ แล้ว นี่คือภาพเก่า)

(Live Overlay นี่ไม่เกี่ยว เราทำไว้เก็บข้อมูลอื่นเฉยๆ)

จากนั้นดูที่ Quick Access ด้านซ้ายของในโฟลเดอร์อะไรก็ได้ มันจะมี Desktop Download Documents Pictures ใช่มะ อันเนี้ยคือโฟลเดอร์ที่มันอยู่ในไดร์ฟ C ของวินโดว์ ตั้งแต่แรก แต่เราจะไม่ใช้มันละ เราจะย้ายตำแหน่งมันใช้ไปที่อื่นแทน

ยกตัวอย่างเช่น Documents ก็คลิกขวา แล้วเลือก Properties

ในแถบของ Location เดิมทีมันจะเป็นไดร์ฟ C:/users/xxxx/documents

ให้เราทำการเปลี่ยนไปเป็นไดร์ฟที่เราสร้างแยกไว้ อย่างเช่นของเรา

พอใส่เสร็จก็กด Apply เลย มันจะขึ้นเตือนว่าย้ายตำแหน่งโฟลเดอร์นะ ก็กด Yes ได้เลย

พอเข้า Document ที่ Quick Access จะเห็นว่ามันพุ่งไปหาโฟลเดอร์ที่เราย้ายไป D ให้ทันทีเลย

จากนี้ก็ทำสเตปเดียวกันกับโฟลเดอร์ Downloads , Picture หรือจะเพิ่ม Desktop ก็ได้นะ อันนี้แล้วแต่เลย

เท่านี้ หลังจากนี้ เวลาเราจะฟอร์แมตวินโดว์ ก็ฟอร์แมตได้เลย เพราะมันจะทำการลบแค่ C ส่วนไดร์ฟอื่นอยู่เหมือนเดิม พอลงวินโดว์ใหม่ ก็เพียงแค่เลือก Location ของโฟลเดอร์ ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมตามวิธีนี้

ง่ายนิดเดียวเองใช่ไหม?

ส่วนวิธี Format PC เนี่ย จริงๆไม่ต้องบึ่งไปร้านซ่อมคอมก็ได้ เพียงแค่กด Reset ใน Start มันก็ขึ้นหน้า Reset PC มาแล้ว

เลือก Reset this PC > Get Started

เข้าไป ก็เลือก Delete everything ปล่อยให้มันทำเสร็จ วินโดว์ก็จะกลับมาเป็นแบบเพิ่งลงวินโดว์หมาดๆ โดยเป็นอัพเดทล่าสุดแล้วนะ

ง่ายนิดเดียวเอง เท่านี้อยากฟอร์แมตเท่าไรก็ทำโลด ไฟล์ไม่หายแล้ว ไม่ต้องแบ๊คอัพแล้ว แต่แน่นอนว่าวิธีนี้ โปรแกรมในเครื่องหายหมดนะ ต้องลงใหม่หมด แต่ส่วนตัวเราชอบลงใหม่อยู่ละ ไฟล์โปรแกรมสำคัญๆ ก็เก็บไว้หมด มันเลยทำอะไรง่ายนิดเดียวน่ะ

สตรีมเมอร์มีจอเดียวเล่นเกมเต็มจอก็อ่าน Chat ดู Alert ได้ด้วย Chat Overlay

0

สมัยก่อนหากเราอยากจะ live ไปถ่ายทอดสดไป เราก็จำเป็นจะต้อง มีจอที่ 2 หรือ เปิดอ่านแชทด้วยมือถือแทปเลตพวกนี้ใช่ไหม

แต่คนที่ไม่มีงบ ก็คงไม่อยากจะซื้อจอเพิ่ม ซื้อแทปเลต จะเปิดมือถือดูแชทตลอดก็เกรงว่าจะไม่สะดวก

ตอนนี้มันมี Overlay ตัวนึงออกมา ชื่อว่า Transparent Twitch Chat Overlay

โดยผู้พัฒนาเขาทำโปรแกรมนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่ถ่ายทอดสด งบน้อย สามารถถ่ายทอดสดไปได้ และอ่านแชทไปได้ด้วย

โปรแกรมนี้จะทำหน้าที่เป็น Overlay เพียงแค่เราเอาแชทมาใส่ไว้ มันก็จะแสดงแชทให้ โดยสามารถตั้งให้หายไปได้ เมื่อแชทโผล่มานานแล้ว

ไปโหลดกันเลยดีกว่า : https://github.com/baffler/Transparent-Twitch-Chat-Overlay/releases

เลือกโหลดตัว Installer มาลงกันเลย

หลังจากลงเสร็จก็เปิดโปรแกรมกันเลย!

พอเปิดโปรแกรมขึ้นมา เราจะได้กรอบหน้าตาแบบนี้ขึ้นมา และมีตัวหนังสืออยู่ด้านใน (พอดี เคยเซ็ตไปแล้วเลยหายไปละ แต่ทำตามได้)

กดเฟืองด้านซ้ายบน จะเข้าสู่หน้า Setting

สำหรับช่อง Twitch ให้เรากรอกข้อมูลตามนี้

Channel ID ไปเอา Username ของช่องใน Twitch ไปกรอกใน เว็บนี้

( Convert Twitch Username to USERID )

เอาตัวเลขของตัวเองไปกรอกใส่ใน Channel ID (ติ้กถูกที่ Show community point redemptions ด้วยถึงจะกรอกได้)

Chat Fade – แชทเก่าจะเฟดหายไปตามเวลาที่ตั้ง
Chat Fate time – ระยะเวลาแชทหาย (วินาที)
Chat Sound – เสียงเตือนเมื่อมีคนแชทมา

เมื่อกรอกของตัวเองเสร็จแล้ว กด Save

โปรแกรมจะทำการโหลดแชท ช่องของเราจนสำเร็จ (ระบบแชทของ Twitch เป็น Irc)

จากนั้นเอาไปหาที่จัดวางที่เหมาะสม อ่านง่ายไม่เกะกะตอนเล่นเกม

พอหาที่จัดวางได้เหมาะสมแล้ว กด F9 เฟรมของแชทก็จะหายไป เหลือแต่แชทแล้ว

จากนั้นเข้าเกมไปเล่น เปิด Live ได้ตามปกติแล้ว เราสามารถอ่านแชทได้ขณะเล่นเกมเต็มจอแล้ว

หากอยากจะแก้ขนาด หรือย้ายที่ ให้ดูที่ Taskbar กดโปรแกรม Twitch Chat Overlay ขึ้นมา แล้วกด F9 เฟรมของแชทก็จะกลับมาแล้ว ก็สามารถปรับได้แล้ว

แล้ว Alert ล่ะ ทำยังไง?

ถ้าอยากให้มี Chat ด้วย มี Alert ด้วย ต้องทำยังไง อันนี้ต้องเล่นท่าหน่อย

เราต้องไปสร้าง Overlay ขนาด 1920×1080 บน Streamelements

ล๊อคอินด้วย Twitch เข้าไป จากนั้นไปที่ Dashboard > Overlays

จากนั้นกด New Overlay

แล้วตั้ง Resolution ของ Overlay ในกรณีตัวอย่างนี้ เราใช้จอ FullHD จึงตั้งเป็น 1080p

ในครั้งนี้เราจะยกตัวอย่างเพียงแค่ใส่ Chat และ Alert เข้าไปนะ

นึกภาพตามนะ ให้เราคิดว่า ด้านขวาของหน้านี้ คือหน้าจอของคอมเรา แถบสีเทาอ่อนด้านขวาของหน้า Overlay เนี่ย

คือกระดาษแผ่นนึง ที่จะอยู่เลเยอร์บนสุดของจอ เราต้องคิดว่าเราจะวางอะไรไว้ตรงไหนบ้าง

เริ่มจัดวาง Chat และ Alert

ให้เรากด Add Widget

เลือก Stream Tools > Your Stream’s chat

ทีนี้เราก็จะได้แถบสีดำมาอันนึง นี่คือ Chat Widget ของเรา

ให้เราจัดวางให้โอเคแล้ว จากนั้นแก้ Theme เป็น Custom

เท่านี้ฉากหลังสีดำก็จะหายไป เหลือแต่ตัวหนังสือแล้ว

หากคิดว่าตัวหนังสือเล็กไป หรือสีกลืนกับฉากเกม ดูอ่านยาก ให้เลือกแถบ Text Settings ด้านซ้ายแล้วลองปรับดูตามที่อยากได้นะ

เมื่อจัดวางแชทเสร็จแล้ว ไปดูกันต่อที่ Alert ส่วนนี้ก็จะเป็นตัวแจ้งเตือนว่า มีใครมา Follow , Subscribe , Donate เรา ก็จะเด้งเตือนบนจอเราเลย

โดยเริ่มที่ กดปุ่ม + ด้านล่าง ใกล้ๆ EMULATE

แล้วเลือก Alerts > AlertBox

จากนั้นจัดวางให้เหมาะสม โดยเราจะไว้ด้านขวา จัดขนาดเล็กๆ เพื่อไม่ให้เกะกะเวลาเล่นเกม

พอเราคลิกที่ Widget นั้นๆ เมนูด้านซ้าย ก็จะเปลี่ยนไป ก็กดเฟือง เพื่อเข้าไปแก้ว่า เมื่อมีคน Follow จะเกิดอะไรขึ้น เช่นใส่ภาพประกอบ เพิ่มเสียงหรืออะไรก็ตามที่ให้เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ส่วนตัว ในหน้านี้เราจะปิดเสียงทั้งหมด เพราะคิดว่ามันหนกขู มี Alert ก็พอละ แต่อันนั้นแล้วแต่เลย ว่าจะปรับอะไรยังไงบ้าง แล้วแต่ชอบ

เมื่อจัดทุกอย่างพร้อมแล้ว ให้กด Save ที่ขวาบนได้เลย จากนั้นกดรูปโซ่

เราก็จะได้ลิ้งหน้า Overlay นี้มาแล้ว ให้เรากลับไปที่โปรแกรม Twitch Chat Overlay แล้วแก้ KapChat (Default) ให้เป็น Custom URL

จากนั้นใส่ลิ้ง Overlay ที่เราได้มาเมื่อกี้ลงไป แล้วกด Save ได้เลย

ก็จะกลับมาที่หน้ากรอบเปล่าๆของโปรแกรม ให้กด □ ขยายเต็มจอ

จากนั้นกด F9 ซ่อนกรอบไป เท่านี้ Overlay ก็จะอยู่บนหน้าจอเราแล้ว

ถ้าคิดว่าตรงไหนวางยังไม่ดีพอ ก็เพียงแค่ไปจัดวาง Overlay บน streamelemens ใหม่ แล้วกด Save ก็พอ ไม่ต้องก๊อปลิ้งมาวางใหม่แล้ว มันอัพเดทให้เอง

เพิ่มอีกท่า

กรณีเปิดรับโดเนทหลายที่ เราจะยกตัวอย่าง Tipme ที่เราใช้อยู่ มันจำเป็นจะต้องใช้ลิ้งค์แยก เราอยากจะให้เด้งขึ้นด้วย

ก็เข้าไปที่ฟันเฟืองของโปรแกรม จากนั้นเลือก Widgets แล้วใส่ลิ้งที่ต้องการให้แสดงบนจอด้วยลงไป

จากนั้นกด Create เราก็จะได้กรอบมาอีกอันนึงละ ให้เราจัดวางให้เหมาะสม แล้วจากนั้นก็ Save

เท่านี้โปรแกรมก็จะจำตำแหน่งให้ พอเปิดโปรแกรมมาครั้งต่อไป เราก็จะเห็นเฟรมของ Widget ต่างๆ เราเพียงแค่กด F9 ซ่อนเฟรม เท่านั้น ทุกอย่างก็จะถูกเตรียมการเสร็จหมดแล้ว ไปลุยสตรีมกันเลย!!

สรุป

จริงๆตัว Widget ที่ใส่เพิ่มเนี่ย เราเปลี่ยนไปเป็น แชทของเว็บสตรีมอื่นก็ได้นะ กรณีสตรีมหลายที่พร้อมกัน อันนี้เรายกตัวอย่างการใส่เพิ่มเข้าไปเท่านั้นเอง

แต่คิดว่า ถ้าเอาไปใช้กับแชทของเว็บอื่น อาจจะต้องใส่ CSS ที่ทำให้ฉากหลังของ Chat หายไป ให้กลายเป็นโปร่งใส ส่วนโค๊ด CSS ใส่อะไร เราไม่รู้เหมือนกัน เพราะปกติเราสตรีมแค่ที่ Twitch

ถ้าของเว็บอื่น เชื่อมแชทกับ streamlabs ได้ก็ลองเอา chat widget ของ streamlabs มาใส่บน widget ดูนะ

แล้วก็ต้องจำไว้นะว่า Overlay นี้ มีแค่เราเท่านั้นที่เห็น คนใน Live ไม่เห็น หากไม่ได้แคป Desktop มาสตรีมนะ เพราะฉะนั้นอยากให้มันแสดงอะไรตอนเล่นเกมบ้าง ใส่ไปเลย แต่ก็จัดให้มันเหมาะสม ไม่เกะกะ ไม่เสียงดัง เป็นดีที่สุด

เราไม่ค่อยแนะนำให้ใส่เสียงใน Overlay หน้าจอซักเท่าไร พวกนั้นเอาไปใส่ใน Overlay บนหน้า Live จะดีกว่า

มันดีมากเลยนะ สำหรับคนมีจอเดียว พอมาเห็นแบบนี้เราก็คิดว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อจอที่สองแล้วล่ะ เล่นจอเดียวไปก็ได้ ประหยัดเงินได้ดีมากเลย

มีคนโดเนทให้ก็รู้ได้เลย จะได้ขอบคุณผู้ที่สนับสนุนได้ทันที ผู้ให้จะได้ดีใจที่ผู้รับขอบคุณ เป็นเรื่องที่ดีๆ Win-Win !

ช่องเราไม่เห็นมีใครโดเนทให้เลย… โคตรเศร้า

คิดว่าเจอจุดตั้งค่า Apex Legends แบบเล่นและสตรีมไปด้วยแบบลื่นที่สุดแล้วมั้ง

0

ก่อนหน้านี้มีโพสเกี่ยวกับเรื่องใช้ QSV ในการ Encode สตรีมแทน แล้วเอา RAM ของการ์ดจอไปใช้กับเกมให้เต็ม 100% ไปเลย

QSV เป็นขุมพลังที่ซ่อนไว้อยู่ สำหรับคนที่ใช้ Intel CPU ที่มีตัว K ลงท้ายรหัส ควรเอามาใช้มาก ไม่ว่าจะเป็นการสตรีม หรือการอัดวิดีโอก็ตาม จะจบปัญหาการต้องใช้คอมสองเครื่องไปเลย

สเปคคอมของเรา

CPU Intel i7-8700K
Ram 32Gb
GPU Geforce RTX3080 10GB OC
M.2 SSD 1TB
Main Monitor. AOC 49inch SuperUltrawide ratio 32:9 120Hz
Sub Monitor. ViewSonic FullHD ratio 16:9 165Hz

อ่านเกี่ยวกับ QSV ได้ที่นี่
เริ่มตั้งค่า

หลังจากที่เราโยนภาระการสตรีมให้ QSV จัดการไปแล้ว เราก็ลองปรับทุกอย่างในเกม Apex Legends ที่เป็นปัญหามาตลอดที่เราเล่น

เดิมทีเรามีความคิดเก่าๆว่า ปรับ Low ให้หมดเลย จะได้ลื่นสุดๆไปเลย ความคิดนี้มาจากสมัยเล่น PUBG สมัยแรกๆ คนเล่น PUBG ยุคแรกๆจะรู้ว่าเกมมัน Optimize Perfomance มาห่วยแตกมากๆ สมัยนั้นคือปรับทุกอย่าง Low เกมจะลื่นมากๆ

เราจึงปรับตัว Setting ของ Apex Legends ไว้ทุกอย่าง Low หมดเลย รวมถึง Texture Streaming Budget ไอ้ตัวเนี้ย จริงๆแล้วเป็นตัวสำคัญมากในการตั้งค่าเกมให้ลื่น มันคือการตั้งว่าจะให้เกมใช้ Ram ของการ์ดจอ ยิ่งน้อยก็การ์ดจอทำงานน้อย ตั้งเยอะ การ์ดจอก็ทำงานเต็มที่ไปเลย (เยอะสุดที่ 8GB) แล้วไอ้ตัวเนี้ย เมื่อก่อนเราตั้งไว้ที่ 2gb เอง เพราะเมื่อก่อนเราใช้ GTX1080 ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ RTX3080 เมื่อไม่นานนี้

พอเปลี่ยนการ์ดจอมาก็แบบ เฮ้ย การ์ดจอใหม่นะเว้ย ทำไมยังกระตุกอยู่เนี่ย แบบเซ็งและจิตตกใช้ได้เลย เสียเงินไปตั้งเยอะแท้ๆ ทีแรกนึกว่าเกิดอาการ Bottleneck ซะอีก

พอเรามาทำ QSV เราเลยคิดว่า การ์ดจอไม่ต้องมาทำหน้าที่สตรีมละ เลยปรับ Texture Streaming Budget ไปที่ Insane 8GB ดู ส่วนอย่างอื่น Low หมด

ปรากฏว่าเกมลื่นมากกกกกกกก

แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าใครจะตาม เราอยากให้เบรคแปปนึง มีสิ่งนึงที่ต้องเช็คด้วยก็คือ Monitor ของเราน่ะเอง

ในยุคนี้แล้วก็มีคนไม่น้อย ที่ซื้อจอเกมมิ่งมาใช้ โดย Refresh Rate ของจอจะสูงมาก อย่างเช่น 144Hz 165Hz 180Hz 240Hz ยิ่ง Refrash Rate สูง ความลื่นของเฟรมก็ยิ่งสูงมากขึ้น และแน่นอนว่ากินสเปคเครื่องด้วย

เราจะยกตัวอย่างเคสของเรา เราใช้จอ Sub Monitor เป็นจอ ViewSonic ในการเล่นเกม Apex Legends เพราะว่าจอเป็น Adaptive Sync (FreeSync) ในยุคนี้ จอ FreeSync สามารถใช้ GSync Compatible ของ Geforce ได้ฟรีแล้ว

G-Sync เป็นเทคโนโลยีการทำให้การ์ดจอแสดงผลภาพความลื่นไหล ให้ตรงกับที่จอคอมของเรามันขับพลังได้ จะได้ไม่เกิดปัญหา Tearing (ภาพขาด ภาพแสดงไม่ตรงกันเป็นต้น)

ในสมัยก่อนนั้นการจะใช้ G-Sync เราจำเป็นจะต้องซื้อ Monitor ที่รองรับ G-Sync ด้วย ซึ่งแม่งแพงบรรลัยมาก จอในตลาดที่ราคาถูกขายดีและเป็นที่นิยมจึงเป็นพวก FreeSync กันซะเยอะ เพราะไม่มีใครอยากจ่ายลิขสิทธิ์ของ Geforce เพื่อใช้ G-Sync

ซึ่งตอนนี้ Geforce ยอมให้จอ FreeSync ใช้ G-Sync ได้แล้ว

สมัยก่อนมีเพื่อนคนนึงอยากเล่น PUBG ลื่นๆ เลยไปซื้อจอ G-Sync มาเกือบ 2 หมื่นบาท สุดติ่งมาก

โดยเราจะต้องไปตั้งค่ามันด้วย ซึ่งอยู่ใน Nvidia Control Panel

ตั้ง Enable G-Sync , G-Sync Compatible แล้วเลือกให้ Enable for full screen mode
แนะนำว่าต้องเป็น fullscreen mode เท่านั้นนะ เพราะ windowed and full screen จะกินพลังการ์ดจอเกินไป

ก็หมายความว่าเวลาเล่นเกมจำเป็นจะต้องเปิด Fullscreen ด้วย

จากนั้นก็มาดูกันที่ Hz ของจอ ยกตัวอย่างจอเล่นเกมของเรา 165Hz ใช่มะ เราก็ห้ามคิดว่า ถึงแม้ว่าจะมี G-Sync ก็จะสามารถจ่ายภาพได้ถึง 165hz เชียวล่ะ มันต้องมีส่ายบ้างล่ะ ซัก 1% หรือซัก 1 เฟรม

เพราะฉะนั้นเราต้องล๊อคเฟรมของเกมไว้ -1 ของ Hz ที่จอขับได้

โดยไปที่ Library ของเกม เลือก Properties

จากนั้นดูที่ช่อง Launch Option พิมพ์ +fps_max 164 ลงไป เท่านี้เกมก็จะล๊อคเฟรมเรทไว้ที่ 164hz เรียบร้อยแล้ว

ของเราใส่ -dev เข้าไปด้วย เพราะว่า Apex Legends เวลาเข้าเกมไป Intro มันหนกขูน่ารำคาญมาก เลยทำให้มัน skip ส่วนนั้นไปที่หน้าเข้าเกมเลย

กลับมาที่หน้า Graphic Setting ของเกมอีกครั้ง

ในส่วนนี้เราตั้ง V-sync เป็น Adaptive ให้มันแสดงผลเท่ากับจอที่เรามีอยู่ และเปิด NVidia Reflex เพื่อลดความดีเลเสี้ยววินาที โดยใช้การ์ดจอช่วยเข้าไปอีก

และอย่างที่บอกไปทีแรก Texture Streaming Budget ตั้งไว้ที่ Insane (8GB VRAM)

ให้เกมเอาแรมการ์ดจอไปเลยเต็มๆ 8GB ยังเหลือๆอีก 2GB ชิลๆ

เราทำตามเนี้ย เกมลื่นสุดๆเลยตอนนี้ ไม่เคยรู้สึกลื่นแบบนี้มาก่อน รู้สึกดีมากเวลาเล่น ก่อนหน้านี้เราเบื่อมาก เล่นแล้วเฟรมมันกระตุก แบบเห็นได้ชัดเวลาเล็งยิงสู้ศัตรู มันจะมีบางช่วงที่มันกระตุกชั่วครู่ ทำให้เล็งพลาด แต่ตอนนี้ไม่มีละ จะมีอยู่ก็คือตอนเกมมันมี Squad ตายพร้อมกัน 2 ทีมไรเงี้ย จะเกิดขึ้นบ้าง อันนี้เป็นปัญหา Performance ของเกมละ


สรุป

เราไม่ได้บอกว่า ทุกคนต้องตั้งตามเรานะ เพราะสเปคคอมของเราค่อนข้างจะอยู่ในระดับกลางเอียงขึ้นสูงหน่อยนึง การตั้งค่าของเรานั้นถือว่ากินสเปคเครื่องเต็มที่เลย เพื่อให้เกมนิ่ง ลื่นไหล ส่วนคนอื่นถ้าอยากทำตาม ลองเช็คดูว่า การ์ดจอมีแรมอยู่เท่าไหร่ หากมี 8GB ก็ตั้ง Very High (6GB VRAM) ดูก็ได้ ส่วนจอ ถ้ายังใช้ 60Hz อยู่ ลองปรับล๊อคเฟรมเรทเป็น 59Hz ดูใน Launch Option เราเชื่อว่ามันต้องเห็นความต่างแน่ๆล่ะ

ท้ายนี้อยากจะบอกว่า

ขนมขาไก่อันนี้โคดอร่อยเลย

ลองเปลี่ยนจากสตรีม NVENC H.264 มาเป็น QSV H.264 แทนดู

0

โดยปกติเราใช้เซ็ตติ้ง 1080p&60fps และ NVENC H264 + 6000kbps(+320kbps) ในการสตรีม

บนสเปคคอม i7-8700k ram 32gb RTX3080 และจอ 2k 180hz + fullhd 165hz (16:9)

การสตรีมนั้นปกติดีมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ เราเปลี่ยนจอคอมใหม่ มาเป็นจอ AOC AG493UCX

ซึ่งจอนี้มันมีจุดเด่นคือ เป็น Super Ultrawidescreen 120hz Resolution 5120×1440 (32:9)

ปัญหาที่เจอคือ สตรีมแล้วเล่นเกม โดยเฉพาะ Apex Legends เกมจะเฟรมกระตุก ( stuttering ) คือเฟรมลื่น แต่จะมีกระตุกให้เห็นในขณะที่ตัวละครเราวิ่งหรือเล็งด้วยความเร็วจัด

จริงๆถ้าเล่นด้วย Fullscreen อาจจะดีกว่า แต่ถ้าใช้ภาพ fullscreen ภาพมันจะเอาไปสตรีมไม่ได้ เพราะ ratio ของจอเป็น 32:9 ไม่ใช่ 16:9 เหมือนจอสตรีม ภาพจะออกมาแบนๆ มีขอบดำบนล่าง ฉะนั้นเวลาเราเล่นเกม Apex Legends หรือจะเกมอะไรก็ตาม เราต้องปรับเกมเป็น Borderless Window และเป็น 16:9 เท่านั้น ทำให้การ์ดจอทำงานหนักขึ้นไปอีก

คือเกมมันเฟรมกระตุกแบบเล่นแล้วขัดใจมาก เราบ่นเรื่องนี้บ่อยมากตอนสตรีม จนแทบจะถอดใจเลิกสตรีมเลย

เราลองมาไล่เปิดหน้า Setting ของ OBS ดูว่ามันไม่มีวิธีอะไรบ้างเหรอ ที่จะแก้ปัญหานี้ได้

ก็มาเห็นกับหน้า Encoder พบกับ Quicksync H.264 จำได้ว่าเพิ่งเพิ่มมาได้ไม่กี่อัพเดทที่ผ่านมานี้เอง

ลองเช็คดู QSV หรือ Intel Quick Sync Video มันคือการใช้ การ์ดจอที่อยู่ใน CPU ของ CPU Intel ที่ลงท้ายรหัสด้วย K เท่านั้น ก็มาเอะใจ เออใช่ CPU เรา i7-8700K ใช้ได้นี่หว่า เลยลองไปอัพเดท ให้เป็นไดร์เวอร์ล่าสุดแล้วสตรีมดูด้วยบิทเรท 6000kbps & Target Usage : Balanced

ซื้อ CPU มา 6 ปีกว่า ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้ การ์ดจอของ CPU เลยเนี่ย

ความต่างที่พบคือ เกม Apex Legends ลื่นมาก แทบจะเหมือนตอนไม่ได้เปิดสตรีม คือดีมากๆ คนที่ดู Live ให้ก็บอกว่า ภาพใน Live นั้นลื่นสมูทมากๆเลย

แต่ปัญหาที่พบคือ ภาพมันจะมีรายละเอียดแบบแตกๆฟุ้งๆเวลาในฉากมี object จำนวนมากๆและกำลังขยับอยู่ แต่มันจะกลับมาชัดไวมาก ถ้าเทียบกับการใช้ x264 สตรีมแล้วคือ QSV จะประมวลไวกว่ามาก

ปัญหานี้เกิดจาก Bitrate ไม่พอ เพราะว่าการทดสอบนี้ใช้ 1080p 60fps ด้วย 6000kbps ซึ่งเป็นเพดานของ Twitch จึงไม่พอ ควรจะลดเหลือ 720p แทนจะช่วยได้มาก หรือหากเป็น Youtube สามารถใช้ 8000kbps ปัญหานี้จะจบไปแน่นอน

การ Encode ภาพมันจะคล้ายๆกับการใช้ x264 ของ CPU สตรีม และตั้ง preset เป็น veryfast

จากนั้นเราลองแก้ Target Usage จาก balanced มาเป็น veryslow แทน

ทดลองกับ Apex Legends ต่อ

ก็จะเห็นว่าภาพอาจจะไม่ได้ละเอียดนัก มีแตกฟุ้งให้เห็นบ้าง แต่ภาพแตกมันจะหายไปเร็วมากๆ และเรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ดูได้และไม่ขัดใจเลย

สรุป

ส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับ QSV H.264 มากๆ เพราะสตรีมไม่ต้องไปยุ่งกับการ์ดจอ (NVENC) เลย ให้การ์ดจอทำงานให้กับเกมแบบเต็ม 100% ไป ส่วนสตรีม ให้การ์ดจอของ CPU ทำงานให้ทั้งหมด ไม่ต้องใช้คอม 2 เครื่องทำ NDI ให้เปลืองไฟ ถ้าใครห่วงว่ามันจะทำให้ CPU ทำงานหนักรึเปล่า เราลอง monitor แล้วพบว่าตอนสตรีมและเล่นเกมอยู่ ตัว cpu ทำงานแค่ 45-55% เองนะ

ถ้าใครซื้อ CPU รุ่นที่มี K ลงท้าย อยากให้ลองใช้ QSV H.264 ดูกันนะ ยิ่งคนที่มี CPU Intel เจนใหม่ๆ คุณภาพอาจจะดีกว่าของเราก็ได้ เพราะรุ่นที่เราใช้ มันออกมาตั้ง 6 ปีแล้วเนี่ย ยังทำคุณภาพออกมาดีอยู่เลยนะ

วิธีดูว่า CPU Intel ที่ใช้อยู่มีการ์ดจอในตัวไหมนั้นง่ายๆ ดูจากรหัสของ Gen ที่ใช้อยู่ได้เลย

F – ไม่มีการ์ดจอ
K – มีการ์ดจอ
KF – CPU Overclock แต่ไม่มี การ์ดจอ

สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า จอ Super Ultrawidescreen หา Wallpaper ใช้ยากโคตรๆเลย เพราะ Ratio ไม่เหมือนจอทั่วๆไป

มีแต่ภาพกามๆ (ชอบ)

รีวิว AVerMedia AX310 อุปกรณ์ช่วยเหลือ All-in-one ของสตรีมเมอร์

0

เราผู้เป็นสตรีมเมอร์ที่มีคนดูเยอะมาก (เฉลี่ย 3.2 คน ต่อชั่วโมง) ก็อยากจะเล่นอุปกรณ์ใหม่ๆด้านเสียง และความบันเทิงอื่นๆ ให้ผู้ชมที่มีเยอะมาก (เฉลี่ย 3.2 คนต่อชั่วโมง) ได้ดู LIVE แบบคุณภาพสูง ก็เริ่มมีความคิดอยากจะได้ Elgato Steam Deck ขึ้นมา

แต่ปัญหาคือ โอ้โห มึงแพงชิบหายเลย แค่แบบตัวเล็กสุด 6 ปุ่ม ราคา 3600 บาท ด้วยนิสัยใจปล้ำ(กับเรื่องของกินอย่างเดียว) จึงไม่คิดจะซื้อเลยเพราะราคากับความสามารถของมันนั้นต่างกันเกินไป หลังๆมา เลยเอาคีย์บอร์ด Razer Tartarus V2 ที่เคยซื้อมาเล่น PUBG สมัยก่อน มาใช้ดู

พอใช้แล้วก็รู้สึกว่า มันไม่ใช่อ่ะ ใช้ไม่ได้ มันทำได้แค่เป็น Macro มันเซ็ตปุ่มยุ่งยากวุ่นวาย และเอามาใช้ขณะเล่นเกมแล้วมีปัญหาบ่อย เพราะปุ่มมาโคร เลยเลิกใช้ และตัดใจเรื่องนี้ไป

จนกระทั่งเรามาเจอเข้ากับ AVerMedia AX310 โดยบังเอิญ หลังจากมันวางขายมาได้ราวๆเกือบปีแล้ว ในไทยขายกันอยู่ประมาณ 14,000 บาท แต่เห็นบางร้านจัดโปร ลดเหลือ 9900 บาท โอ้โห ถูกกว่า Elgato 6 ปุ่ม เยอะเลย! (3,600 บาท) หลังจากดูรีวิวหลายๆอย่างจากต่างประเทศ มีทั้งคนบ่น และคนชม ปะปนกันไป ดูหลายๆจุดแล้วมันตอบโจทย์เรามาก สุดท้ายเราก็ตัดสินใจซื้อมาจนได้

เราซื้อมาคู่กับ AVerMedia AM 330 เป็นไดนามิคไมค์ ด้วยความที่ชีวิตนี้ ใช้แต่ไมค์คอนเดนเซอร์แพงๆ เลยอยากเล่นไดนามิคดูบ้าง เลยตัดสินใจซื้อตัวนี้มา เพราะ AVerMedia มันอวยว่า ไมค์ตัวนี้ กับมันคุณภาพจะสูงเมื่อใช้กับ AX310 ส่วนผลเป็นยังไง เดี๋ยวค่อยว่ากันภายหลัง

ของที่ให้มาภายในกล่อง สาย USB 2.0 , หัวแปลงปลั๊ก 3 แบบ , หัวแปลงสาย 3.5mm เป็น 6.3mm , สาย 3.5mm

หน้าตาหน้าจอ มีให้ปรับ Volume ทั้งหมด 6 ช่อง และปุ่มกด 4 ปุ่ม

ด้านหลังของเครื่อง ช่องเสียบหูฟัง , Line out , XLR&6.3mm , LINE IN , Optical , USB , DC และ ปุ่มเปิดปิด

ตัวเครื่องกับฐานของเครื่องสามารถถอดออกจากกันได้ โดยมีแม่เหล็ก เป็นตัวดูดกัน

รายละเอียดทางเทคนิค นี่คงไม่ต้องเขียนอะไรมาก อ่านไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก ถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ และผู้เชี่ยวชาญจริงๆ คงไม่ซื้ออะไรแบบนี้มาใช้หรอกมั้ง เราคิดว่า

การเชื่อมต่อ : ใช้ USB 2.0
รองรับ : วินโดว์ 10H20 ขึ้นไป , MAC OS 10.15 ขึ้นไป
ขับเสียง : 96000kHz 24Bit
ใช้ได้ทั้ง Dynamic และ Condenser
มี EQ , Reverb , Noise Gate , Compressor
รองรับ : XLR , Optical , 6.3mm , Line in , Line out
หน้าจอ : IPS ความกว้าง 5 นิ้ว แบบสัมผัสได้

พอเสียบบนเครื่อง และกดเปิดแล้ว เครื่องก็จะ Stand by โดยบนจอจะมีโลโก้ AVerMedia ขึ้นมารอไว้ เราจะต้องไปลงโปรแกรม AVerMedia Creator Central และลงทะเบียนเข้าล๊อคอินให้เรียบร้อย โปรแกรมถึงจะเริ่มเปิดให้ใช้งานได้

หลังจากนี้ หน้าตาโปรแกรมจะเป็นภาพหลังใช้งานมาแล้ว 3 เดือน

โปรแกรม Creator Central

นี่คือหน้าตาหลักของโปรแกรม Creator Central โดยเราสามารถใส่ปุ่ม ขนาด 1×1 ลงไปบนหน้าจอได้ถึง 20 ปุ่ม ต่อ 1 หน้า โดยมีทั้งหมด 5 หน้า หมายความว่าใส่ได้ถึง 100 ช่องเลยทีเดียว และยังใส่ฉากหลังได้ด้วย นอกจากนั้น 4 ปุ่มด้านข้างจอ ก็ยังสามารถใส่ปุ่มลงไปได้เช่นกัน โดยส่วนนี้เราต้องเลือกใส่อะไรที่ใช้ประจำเอา จากในภาพ 4 ปุ่ม เราจะตั้งเป็นกดเพื่อเปลี่ยนไปหน้าอื่น สีแดงกดไปหน้า 1 สีฟ้ากดไปหน้าที่ 4 (หน้าเครื่องมือสตรีม) และ สีม่วงคือหน้าที่ 5 (เครื่องมือเสียง)

และสามารถเชื่อม API เพื่อดูรายละเอียด Spotify ได้ ใช้ในการอ่านชื่อเพลงที่กำลังเล่นอยู่ หรือควบคุมโปรแกรม Spotify ได้

ใช้ควบคุมโปรแกรม OBS หรือ StreamLabs OBS ได้เช่นกันเพื่อใช้ในการกดเปลี่ยน Scene ต่างๆของโปรแกรม
รวมถึงเอาหน้าแชทของ Twitch หรือ Youtube ที่เราเชื่อม API เอาไว้ มาแสดง เพื่อใช้อ่านแชทได้ด้วย

สำหรับการคุม OBS Studio นั้น จำเป็นจะต้องลง AVerMedia OBS Web Socket Server Installer ด้วย สำหรับคนมี AX310 สามารถคลิกที่ชื่อนี้ไปลงกันได้ 

เราสามารถแก้รูปแบบ ICON ได้ หากคิดว่าต้นฉบับไม่สวย โดยการตั้งค่าปุ่ม มาวางบนหน้าจอเรียบร้อยแล้วจากนั้นกด EDIT เพื่อแก้ Thumbnail โดยเป็นรูปภาพที่ต้องการ หรือจะใช้ Icon Builder ของโปรแกรมก็ได้ เมื่อออกแบบเสร็จระบบจะเซฟเป็นไฟล์ภาพ จากนั้นก็มา Select image from local disk เอาอีกที

ตรงนี้จะเห็นว่า Elgato Stream Deck นั้น ส่วนตัวคิดว่า ทางนี้ชนะอย่างเห็นได้ชัดเลย

แก้ฉากหลัง แสงไฟ RGB และปุ่มไฟบน AX310

เราสามารถทำได้ใน Setting ของโปรแกรม ในส่วนของ Hardware โดยสามารถเลือกแก้รูปภาพฉากหลังตามที่เรามีอยู่ในคอมได้

สามารถปรับสีไฟของวอลุ่ม ทั้งหมด Creator Mix และ Audience Mix ได้ โดยสองโหมดนี้จะอธิบายในลำดับต่อไป

จริงๆแถบข้างของเครื่องก็มีแถบไฟ RGB นะ แต่พอดีไม่ชอบ มันแยงตา เลยปิดไป

มี Widget Store ให้ดาวโหลด Widget ด้วยล่ะ!

ในโปรแกรมเขามีให้โหลด Widget ให้เอามาลงใช้ใน AX310 ด้วย

โอ้โห เปิดมาปีนึงแล้ว มี Widget แค่ 2 อัน…

นาฬิกา นี่โอเคดีเวลาสตรีมเพลินๆอย่างน้อยก็ดูนาฬิกาได้ แต่ CPU GPU Widget ไม่จำเป็นเลย รกอะ lol

มาถึงเรื่องเสียงที่เป็นจุดเด่นกันบ้าง

ต้องเกริ่นก่อนว่า เราที่ทำเว็บสอนการสตรีมมานาน ได้เจอคำถามมากมาย เกี่ยวกับการตั้งค่าต่างๆ และมักจะเจอคำถามแปลกๆยากๆ อย่างเช่น อยากฟังเพลง แต่ไม่อยากให้คนดูได้ยินเพลงด้วย หรือ ไม่อยากฟังเพลง แต่อยากให้คนดูสตรีมฟังเพลง ซึ่งมันเป็นโจท์ยที่แบบเราผู้เป็นคนสอนสตรีม อยากจะถามว่าจะทำไปทำไมวะ แต่นั้นก็คือสมัยก่อน แต่มันก็มี Plugin เรื่องเสียงออกมาเรื่อยๆ แต่ก็มีปัญหามาเรื่อยๆเช่นใช้ไปซักพัก มี Noise ออกมาและคนสตรีมไม่ได้ยิน มีแต่คนดูที่ได้ยิน ผลคือทำสตรีมพังไม่เป็นท่า ไม่เคยทำงานได้ 100% เสียที แต่อุปกรณ์ตัวนี้มันช่วยแก้ปัญหานี้ได้แล้ว

เมื่อต่อ AX310 กับคอมแล้วในเครื่องเราจะถูกสร้าง Playback Device ขึ้นมาสามตัวดังนี้

System Sound – เสียงทั้งเครื่อง แรกเริ่มทั้งหมด
Game Sound – เสียงของเกมที่เรากำลังเล่น
Chat Sound – เสียงพูดของคนที่เรากำลังเล่นเกมอยู่ด้วย

โดยตัวเครื่องนี้สามารถปรับความดังของเสียงต่างๆนี้ได้ แล้วมันจะรู้ได้ไงล่ะ ว่าเสียงที่มานั้นคือเกม หรือ แชท

ที่ในโปรแกรมมุมขวาบน จะมีปุ่มที่สอง มันคือช่องทางที่จะพาเราไปสู่หน้า App volume device preferences ของวินโดว์

โดยเราจะต้องเปิดเกม ที่มีเสียงขึ้นมาก่อน จากนั้นค่อยกดเข้าไป จะเห็นว่าจะมีรายชื่อเกมที่เราเล่นอยู่

จากภาพ เราเปิดเกม Apex Legends เอาไว้ ด้านข้างมันจะมี Default อยู่สองช่อง คือเสียง(บน) และ ไมค์(ล่าง) หากเราไม่ปรับอะไรเลย เสียงมันจะไปออกที่ System ทั้งหมด

เราจะต้องปรับเกม Apex Legends ไปที่ Game แทน

เท่านี้เสียงเกม ก็จะสามารถควบคุมด้วยแผง Game บน AX310 แล้ว

ส่วนทาง Discord ก็ไปปรับเอาใน Setting ให้ Output Device เป็น Chat (Live Streamer AX310)

Creator Mix และ Audience Mix

เรามาทำความเข้าใจกับเรื่องเสียงก่อนคือเครื่องสตรีมอันนี้มีความสามารถพิเศษอย่างนึงคือ มันแยกเสียงที่เราฟัง กับ เสียงที่คนดูสตรีมช่องเราฟัง ออกจากกันได้ หมายความว่าเราสามารถปรับ ความดังของเสียงต่างๆที่เราได้ยิน กับ เสียงที่คนดูได้ยินนั้น ให้ไม่เหมือนกันได้

จากในภาพนี้ ด้านซ้ายเราจะเห็นว่ามี Creator Mix และ Audience Mix

note : หากไม่มี Creator Mix กับ Audience Mix แปลว่า เครื่องเดิมทีเป็น Master Mix อยู่ ให้กด Enable Dual Mix ก่อน ถึงจะมีโหมดนี้ให้

Creator Mix คือเสียงที่เราได้ยินในเครื่องทั้งหมด โดยเราก็ปรับตามใจชอบเลย ส่วน Audience Mix คือเสียงที่ผู้ชมได้ยิน

ในโปรแกรม OBS เราก็แค่ไปตั้งเสียงใน Settings ให้เป็น Audience Mix (Live Streamer AX310) เท่านั้นเอง

โหมดนี้ถามว่ามันดียังไง ลองคิดสถานการณ์แบบเราเล่นเกม FPS ที่เสียงมันดังมากๆ ตอนสู้กัน เราก็แค่ลดเสียง Game ให้มันน้อยลง แล้วเน้น Chat ให้ดังกว่า คนดูเขาจะได้รู้ว่าเราคุยวางแผนยังไงกับเพื่อนร่วมทีม บางทีการตั้ง 100 หมด มันจะทำให้เสียงซ้อนกัน ฟังไม่รู้เรื่อง ดังไปหมดเลย

หรือเวลาถ้าเล่นเกมสไตล์ชิลๆ Sandbox เราก็ปรับเสียงเกมดังขึ้น แล้วลดเสียงพูดของเพื่อนก็ได้ เพราะไม่จำเป็นต้องฟังเสียงที่ดังเกินไป อันนี้ปรับได้ตามสไตล์ของตัวเองเลย

ตัวอย่างการใช้ Dual Mix

Creator Mix (ฝั่งที่ตัวเองได้ยิน)

Mic ดัง 80% คุยกับเพื่อนใน Discord
System เปิด Spotify ฟังเพลง 55%
Apex Legends 65% แค่พอฟังได้ และฟังเสียงเท้าได้ ไม่ดังมาก
Chat 80% ฟังเสียงเพื่อนแหกปากใน Discord

Audience Mix (ฝั่งคนดูสตรีม)
MIC 100% ให้คนในสตรีมฟังเสียงพูดชัดเต็ม
System ไม่ให้คนดู Live ฟังเพลง แก้ปัญหาโดนเรื่องลิขสิทธิ์
Game 65% ให้ฟังเสียงเกมไม่มาก
Chat 100% ให้ฟังคนใน Discord แหกปากเต็มที่

การตั้งค่าไมค์

หากใช้ไมค์ Dynamic , Condenser ที่เป็นสาย XLR หรือสาย 6.3mm ที่เสียบเข้า AX310 ก็สามารถตั้งค่าไมค์ได้

ก่อนอื่นเลยต้องตั้งค่า Microphone Type ให้ถูกต้องก่อน โดยจะมีให้เลือกดังนี้

ไมค์ Dynamic และ 6.3mm ต้องใช้เลือกให้ถูกต้อง ห้ามใช้ XLR Condenser +48v เด็ดขาด เนื่องจากไมค์ Condenser ต้องใช้กำลังไฟเยอะกว่าไมค์อื่นๆ หากเปิดโหมด Condenser โดยไม่ได้ใช้ Condenser อาจจะทำให้ไมโครโฟนเสียได้ ระวังด้วย

การตั้งค่าเสียงไมค์ ก็ปรับได้ โดยสามารถเพิ่ม Gain เสียงขึ้นได้ ทำให้เสียงดังขึ้น แต่ก็ทำให้เสียบรบกวนอื่นๆเข้ามารบกวนได้มากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นส่วนนี้ต้องค่อยๆปรับให้เหมาะสมกับห้องที่ใช้งานการสตรีมเอานะ ตรงนี้คงจะสอนให้ไม่ได้ เพียงแต่เราสามารถฟังเสียงไมค์ตัวเองได้ ถ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่แรกจะสามารถฟังเสียงไมค์ตัวเองผ่านหูฟังได้ หากใครไม่ชอบ ก็สามารถปิดได้ โดยใช้ปุ่ม Monitor ที่อยู่ในส่วนของ Creator Central โดยปรับให้เป็น Monitor Off เอา

ตัวอย่างเสียงเกม เสียงพูด และเสียงไมค์ AM330 ที่ใช้กับ AX310

สรุป

ส่วนตัวมองว่าเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ของสตรีมเมอร์ชิ้นนึงมาก แต่ด้วยความที่มันราคาสูงมาก อาจจะทำให้หลายๆคนลังเลที่ใช้มัน แต่ถ้าตังเหลือ หรืออยากมาเข้าสู่โลกของ Mixer ดูบ้างล่ะก็ เอาเลย มันเจ๋งมาก คือจริงๆถ้ามี AX310 นี้ล่ะก็ เวลาเล่นเกมไปสตรีมไป เหลือจอคอมไว้แค่จอเดียวก็เกินพอ เพราะทุกอย่างมันสามารถคุมใน AX310 ได้หมดเลย ทั้งเปลี่ยนซีนเกมต่างๆ คุมเพลง คุมเสียง และอ่านแชทครบหมดเลย

ถ้าพูดถึงข้อเสียที่เราเจอ พวก API เชื่อมต่อ Spotify ชอบหลุดบ่อย เหมือนมันต่อกับทาง Spotify ไม่สำเร็จ บางทีเป็นรัวๆใช้ Spotify ผ่าน AX310 ไม่ได้

ส่วนข้อเสียหลักๆเลยก็คือเรื่องของการอัพเดทที่ช้ามาก ใน AX310 ถึงแม้จะมีปุ่มมากมายให้ใช้ แต่เราคิดว่ามันยังมีสิ่งที่ต้องเพิ่มอีกเยอะ เช่นพวกคีย์ลัดเพื่อ ปิด/เปิดไมค์ ของช่อง Discord ก็ยังไม่มี จะต้องมาตั้งปุ่ม Macro เอาไว้เปิดปิดไมค์เอาเอง

พวก Widget ของ Discord ทั้งๆที่ตอนนี้ Discord เป็นโปรแกรมแชทอันดับ 1 ในตอนนี้ กลับไม่มี Widget ที่ให้ใช้ร่วมกัน อย่างเช่นเราอยากรู้ว่าใครอยู่ในห้องแชทกับเราบ้าง ก็ไม่สามารถดูได้

ไม่สามารถปรับฟ้อนในแชทของ Twitch และ Youtube ได้ บางทีก็รู้สึกต้องจ้องมากไปหน่อยเวลาจะอ่าน

เราเลยขอติเรื่องการอัพเดทช้าของ AVerMedia ล่ะ จากที่ดูรีวิวก่อนซื้อ พวกรีวิวจากต่างประเทศจะพูดไปในทางๆเดียวกัน ก็คือเรื่องการอัพเดทนี่แหละ เพราะเขาอัพเดทเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น บางทีก็สองเดือนก็มี แถมเป็นการอัพเดทที่ไม่มี Roadmap อะไรเลย ไม่มีทางรู้เลยว่าจะทำอะไรบ้าง เคยแจ้งบัคไปเป็นเดือนแล้วก็ยังไม่มีการอัพเดทส่วนนั้นมีแค่ตอบเมลกลับมาว่ารับเรื่องที่แจ้งแล้ว แต่ไม่รู้ในอัพเดทต่อไปจะแก้ให้รึเปล่า

ถ้าเป็นคนที่อยากจะซื้อมาใช้ตอนที่มันสมบูรณ์แบบจริงๆ ก็คงจะต้องรอไปอีกซักพักเลยละมั้ง ไม่รู้จะอัพเดทมารึเปล่า แต่ถ้าหากจะเอามาเพื่อสตรีม และควบคุมเสียงล่ะก็ ถือว่าเจ๋งเกินพอเลยในตอนนี้

เครื่องนี้เราก็เพิ่งจะใช้มาแค่ 3 เดือน ยังมีอีกหลายๆส่วนที่ยังไม่ลอง อย่างเช่นช่อง Optical ที่เอาไว้ต่อกับเครื่องเกมคอนโซล แต่คงไม่ได้ใช้เพราะว่าเครื่องเกมเราวางไกล และต้องมาซื้อสาย Optical ไกลๆเพื่อใช้ ก็ดูจะไม่เข้าท่าซักเท่าไรด้วยล่ะ ไว้มีเทคนิคอะไรแปลกใหม่ ไว้จะมาบอกเพิ่มเติมใน Blog ต่อไปละกัน

เอ้อลืมไปเลย บอกว่าจะรีวิวไมค์ AM330 ส่วนตัวใช้แล้ว เสียงมันก็โอเคนะ มีสวิทต์เปิดปิดไมค์ด้วย แต่เรารู้สึกว่ามันใช้ยากนิดหน่อย ต้องไว้ใกล้ปาก บางทีมือชอบไปปัดโดน แล้วก็เพราะมันไว้ใกล้ปากเกินไป เราเป็นคนหายใจแรง เสียงหายใจมันเข้าไมค์ เราไปเปิดดูย้อนหลังตัวเองแล้วได้ยินเสียงหายใจ ไม่ค่อยชอบเลย ไม่ได้ไม่ชอบไมค์นะ แต่ไม่ชอบเสียงหายใจตัวเองนี่ล่ะ 555 ส่วนคุณภาพเสียงนั้นดีเกินพอ สำหรับไมค์ราคา 3xxx บาท แต่เผอิญเรามีไมค์คอนเดนเซอร์ที่ดีกว่านั้น และแพงกว่าเป็นสองสามเท่า แน่นอนว่ามันต้องดีกว่าอยู่แล้วล่ะน้ออออ แต่เอาเถอะ ไว้สลับกันใช้ไปมานี่ล่ะ ดีละ

วิธีทะลวงการห้ามดาวโหลดของ Google Drive 2022 ver. [TH/EN]

0

เมื่อปี 2018 เราเคยเขียนวิธี bypass google drive ไป

วิธีแก้ปัญหา google drive ไม่ให้โหลดไฟล์

แล้วมีคนเข้ามาดูโคตรเยอะ 555 ตอนนี้วิธีนั้นมันใช้ไม่ได้ละ ทาง google ได้ปิดช่องโหว่นั้นไปแล้ว

แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้มีวิธีใหม่แล้วมาเขียนบอกวิธีกันเลย

วิธีทำ ภาษาไทย HOW TO THAI VERSION

เริ่มจากใน google drive จะต้องมีไฟล์อะไรซักอย่าง ที่ไซส์เล็กๆเลยก็ได้

ลองสร้างไฟล์ notepad พิมพ์ 123 แล้วเซฟเป็นไฟล์สกุล txt ตัวอย่างเช่นตั้งชื่อว่า fordownload.txt แล้วเอาไปอัพใส่ใน drive ของตัวเองนะ

แล้วก็ยัดเข้าไปใน drive ของตัวเองเลย

เท่านี้ก็เรียบร้อยละ จากนั้นให้ไปที่ไฟล์ที๋โดนห้ามโหลดที่ขึ้นว่า

Sorry, you can’t view or download this file at this time.

Too many users have viewed or downloaded this file recently. Please try accessing the file again later. If the file you are trying to access is particularly large or is shared with many people, it may take up to 24 hours to be able to view or download the file. If you still can’t access a file after 24 hours, contact your domain administrator.

จากนั้นให้แก้จากลิ้งค์เดิม

drive.google.com/uc?id=1O7s5ryVEWECHiG_8Z9Xye95LfrbupQTt

ตรงส่วน uc

drive.google.com/uc?id=1O7s5ryVEWECHiG_8Z9Xye95LfrbupQTt

ให้เป็น open

drive.google.com/open?id=1O7s5ryVEWECHiG_8Z9Xye95LfrbupQTt

จากนั้นให้ Enter ไป เราจะเข้าหน้าที่เหมือนจะดาวโหลดได้

ให้คลิกที่ไอค่อน drive ขวาบน

จากนั้นเลือก My Drive แล้ว Add shortcut

พอมันขึ้นว่า shortcut added to My Drive

ก็เข้าไปที่ drive เลย จะเห็นไฟล์ละ

ให้ crop ไฟล์ fordownload.txt กับ ไฟล์ที่เราจะโหลด (กด Ctrl ค้างไว้แล้วคลิกซ้ายเลือกไฟล์ก็ได้) จากนั้นคลิกขวาเลือก Download

เท่านี้ google จะทำการบีบอัดไฟล์เป็น .rar ให้เรารอซักพักนึงช้าเร็วขึ้นอยู่กับขนาดไฟล์ แต่ไม่ต้องห่วง เมื่อมันบีบอัดไฟล์เสร็จก็จะเริ่มดาวโหลดให้เราเอง

โหลดเสร็จก็เปิดเอาไฟล์ที่ต้องการมาใช้ได้เลย

เท่านี้ก็เป็นอันจบแล้ว !


(BAD) ENGLISH VERSION

Hello, i saw a lot of people come to my blog to see how to bypass blocked download from google drive

วิธีแก้ปัญหา google drive ไม่ให้โหลดไฟล์

but that articles has been 4 years ago. google has already fix that copying download right now i’ll told you how to bypass gdrive download in 2022

first in your google drive must have multiple file in small size for example i use notepad to make some txt file like fordownload.txt then upload to google drive

then go to blocked google drive link you need to download in page shown

Sorry, you can’t view or download this file at this time.

Too many users have viewed or downloaded this file recently. Please try accessing the file again later. If the file you are trying to access is particularly large or is shared with many people, it may take up to 24 hours to be able to view or download the file. If you still can’t access a file after 24 hours, contact your domain administrator.

you must change in url

drive.google.com/uc?id=1O7s5ryVEWECHiG_8Z9Xye95LfrbupQTt

from uc

drive.google.com/uc?id=1O7s5ryVEWECHiG_8Z9Xye95LfrbupQTt

to open

drive.google.com/open?id=1O7s5ryVEWECHiG_8Z9Xye95LfrbupQTt

then Enter you will jump to this page

click on google drive icon in top right corner

Click ” My Drive ” and click Add shortcut

go to your gdrive you’ll see file in you drive

Select at least two shortcut files in drive by holding Ctrl and click file you want to download with fordownload.txt

Press right click to open menu and click download.

Wait files will begin download after compressing.

Done !

รีวิวเบาๆ Duel Princess เจ้าหญิง 10 ประเทศต่อสู้กันเพื่อปราบมหาจอมมาร

0

คงจะเห็นข่าวกันบ้าง เกี่ยวกับการแบนเกมนี้ทั้งบน PC และบน Nintendo Switch บ้างก็บอกว่าเพราะติดเรทเกินไป แต่จริงๆแล้วทางต้นทางยังไม่กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้หยุดการขายเกมนี้เลย จึงไม่ขอคิดอะไรนักจะดีกว่า

ส่วนตัวแล้วเราสนใจเกมนี้มาตั้งแต่สมัยประกาศเปิดตัวเกมแล้วล่ะ เห็นฉากลงทัณฑ์แล้วมีความรู้สึกว่า นี่ล่ะ อยากเล่น ต้องเล่นให้ได้เลย

ไหนๆเราก็เล่นเกมนี้จบ 100% ละ ใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 15-17 ชั่วโมง แบบนั่งอ่านเนื้อเรื่องเพลินๆเลยนะ ไม่ได้กดข้ามอะไร จึงขอมารีวิวทิ้งไว้ซะหน่อย

เนื้อเรื่อง

ในช่วงแรกสุดจะกล่าวถึงโลกที่สงบสุขมาตลอดจนกระทั่ง มาโอ(จอมมาร) 3 ตน ครอบครองและแบ่งแยกแผ่นดินออกไป 3 ส่วน ผู้คนที่ถูกแย่งความสงบสุขไป ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างกังวลมาหลายร้อยปี จนกระทั่งมีองค์หญิง 2 คน จากทวีปนึงร่วมมือกันปราบจอมมารตนนึงได้สำเร็จ และในอีกสองทวีปองค์หญิงอีก 8 คน ก็ลุกขึ้นสู้ จนกระทั่งปราบจอมมารทั้งหมดได้สำเร็จ

โลกก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งนึง แต่ในขณะนั้น ไดมาโอ (มหาจอมมาร) ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมา จู่ๆ องค์หญิงผู้กล้าทั้ง 10 คน ก็มีตราสัญลักษณ์โผล่ขึ้นมาบนร่างกาย และเหล่าองค์หญิงก็ได้รู้ว่าเมื่อใดที่ตราสัญลักษณ์นี้ถูกรวมเป็นหนึ่งเดียว ก็จะสามารถผนึกมหาจอมมารได้ องค์หญิงทั้ง 10 ประเทศจึงประชุมกัน

แต่การหารือนั้นไม่ได้เป็นไปได้ด้วยดี เพราะต่างประเทศก็ต่างมีความคิดที่ต่างกัน หลายๆคนอยากจะเป็นผู้ปราบจอมมารเอง ไม่อยากให้ตราสัญลักษณ์กับใครไป ทำให้ไม่สามารถรวบรวมตราสัญลักษณ์เป็นหนึ่งเดียวได้ จู่ๆองค์หญิงคนนึงก็พูดขึ้นมาว่าถ้าอย่างนั้น เรามาต่อสู้กัน เพื่อแย่งชิงตราสัญลักษณ์กันดีกว่า ผู้ที่ชนะก็จะได้สิทธิ์ในการปราบและผนึกมหาจอมมารไป และองค์หญิงทั้ง 10 ประเทศก็ยอมรับในข้อเสนอนี้

รายชื่อองค์หญิงทั้ง 10 ประเทศ

องค์หญิงฟรีด้า แห่งประเทศฟริเดนสลีท ผู้มีใจรักในการผจญภัย และตามล่าหาสมบัติ นิสัยดี เป็นที่โปรดปรานขององค์หญิงฮิลเด

องค์หญิงเอเรโอนอร่า (ยันเดเระ) แห่งประเทศเอเดลฮัลป์ ผู้ที่มีรอยยิ้มที่สวยงาม หลงไหลองค์หญิงฟรีด้าเป็นพิเศษ ใครมาแตะต้องตัวองค์หญิงฟรีด้า ต้องตายสถานเดียว

องค์หญิงฮิลเด (ซาดิส) แห่งประเทศทะเลทรายฮิลชลิงกุส ชื่นชอบอัญมณีมากเพราะประเทศทะเลทรายไม่มีสิ่งนี้ ผู้ที่รักการทรมาณ และถูกทรมาณ ชอบฟริด้ามากๆ

องค์หญิงอีลิส (มาโชคิส) แห่งประเทศอินเซลบลูเซล ประเทศแห่งเครื่องจักรที่ไร้ซึ่งวิชาเวทย์มนต์ เป็นเพื่อนสมัยเด็กกับองค์หญิงฮิลเด

องค์หญิงโดโรเธีย (จูนิเบียว) แห่งประเทศดีวีน ที่มีสภาพประเทศน่าพิศวง ที่ชอบพูดจาอะไรก็ไม่รู้ แต่มีความมั่นใจในคำพูดของตัวเองอยู่เสมอ มีองค์หญิงเกรส เป็นทาสหมายเลข 1 (เพื่อน)

องค์หญิงเกรส แห่งประเทศแกรนด์พันท์ ขี้อาย อยากมีองค์หญิงประเทศอื่นเป็นเพื่อนมาก เป็นทาสหมายเลข 1(เพื่อน) ของโดโรเธีย

องค์หญิงอาเรีย แห่งประเทศลาล่า องค์หญิงเซน่า แห่งประเทศซันจ์ซาร์ด สองประเทศที่เริ่มต่อต้านจอมมารก่อนประเทศอื่นๆ โดยองค์หญิงอาเรียที่ชอบดื่มชาและกินขนมมากๆ ต้องคอยให้องค์หญิงเซน่าที่ถนัดด้านวิชาต่อสู้ คอยเบรคการกินอยู่เสมอ

องค์หญิงคาลร่า แห่งประเทศโคลีน ผู้ที่มีความคิดหลักแหลม เจ้ากี้เจ้ากัน ชอบเทศคนอื่น จนองค์หญิงโดโรเธียเกลียด และเรียกว่าจอมปิศาจ

องค์หญิงบาบาร่า แห่งประเทศบลูฟอร์เร่ เพื่อนสมัยเด็กกับองค์หญิงคาลร่า สายลุยแหลก ชอบทำก่อนคิด องค์หญิงคาลร่าต้องคอยเตือนอยู่เสมอ

การต่อสู้เพื่อแย่งตราจากองค์หญิงประเทศอื่นๆ

จริงๆก็ดูเหมือนจะรุนแรง ฆ่าฟันเสียเลือดเสียนื้อ แต่จริงๆแล้วองค์หญิงเพียงแค่เดินทางไปประเทศอื่น โดยเดิมทีพวกเขารู้จักกันอยู่แล้ว เพราะเคยร่วมประชุมกันแล้ว เพียงแค่เดินทางไปหา แล้วขอตราสัญลักษณ์กันตรงๆ แต่แน่นอนว่าไม่มีใครให้ จึงเกิดการทะเลาะกัน ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องซะส่วนใหญ่ จึงเกิดการสู้กัน เหมือนแค่ประลองฝีมือกันเฉยๆ แพ้ก็จะยอมให้ง่ายๆ ไม่มีขัดขืนแต่อย่างใด

ศึกแย่งตราสัญลักษณ์ผนึกมหาจอมมาร ที่ไม่มีมหาจอมมาร…?

เนื้อเรื่องเกมนี้ ต้องบอกว่ามหาจอมมารเป็นตัวปัญหาหลัก แต่ในเกมกลับไม่มีจอมมาร โดยสตอรี่จะเน้นไปที่ การเดินทางขององค์หญิงทั้ง 10 ประเทศ โดย 1 คน จะเดินทางไปเพียงแค่ 3 ประเทศ เพราะว่าทุกประเทศนั้นออกเดินทางไปแย่งตราสัญลักษณ์แล้ว ใน 3 ประเทศที่เจอ ก็เพียงแค่แย่งมาต่ออีกทีเท่านั้นเอง เมื่อองค์หญิงที่เราเล่นอยู่นั้นได้ครบแล้ว สตอรี่จะจบเลย มีเพียงแค่บทพูดง่ายๆว่า หลังจากได้ตรามา ก็ปราบมหาจอมมารและผนึกได้สำเร็จ… ไม่มีหน้าตาจอมมารโผล่มาให้เห็นในเรื่องนี้เลย(เศร้าแทนมหาจอมมาร)

เนื้อเรื่องของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

สตอรี่ที่ขององค์หญิงที่เล่นนั้น ตัวละครนั้นก็จะได้เป็นผู้ผนึกมหาจอมมารในตอนจบ เพราะฉะนั้นให้คิดว่าสตอรี่เป็นแนวๆ ถ้าหากคนนี้เป็นผู้ปราบมหาจอมมาร สตอรี่จะจบลงแบบไหนกัน อยากให้เน้นอ่านบทพูดคุย การเดินทางขององค์หญิงแต่ละคน ว่าเจอกับใคร คุยกันเรื่องอะไร องค์หญิงคนไหนผูกพันกับองค์หญิงประเทศไหน และ สตอรี่พิเศษขององค์หญิงแต่ละคนนั้นพูดถึงอะไร จะสนุกกับมันมากกว่า เป้าหมายที่ไปมหาจอมปราบจอมมารที่ไม่มีตัวตน

วิธีต่อสู้

สตอรี่จะถูกแบ่งออกไปเป็น 3 Chapter 1 ประเทศต่อ 1 Chapter โดยจะให้เรากำหนดว่าเราจะบุกแคมป์ Enemy หรือ ป้อมปราการ Elite ที่ยากกว่า ศัตรูเลเวลสูงขึ้นเมื่อโดนตีปราสาทไป 50%

ตัวอย่าง Action Card นี้คือ
[ สตอรี่ตัวละคร โดยมีทั้งหมด 3 ครั้ง รางวัลคือเลเวลขององค์หญิงอัพ (เพิ่ม HP ปราสาทตัวเอง) / Elite / Enemy / Camp อัพเลเวลการ์ดได้ 1 ใบ , ค้นหาการ์ดใหม่ 1 ใบ , ลบการ์ดที่ไม่ต้องการออก โดยเลือกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ] และป้าย Shop ที่ไม่มีในภาพ เป็นที่ๆซื้อขายการ์ด หรือ อัพเกรดเลเวลการ์ดได้ตามจำนวนเงินที่มี

โดยความต่างก็คือแคมป์จะได้เงินรางวัล 350 และ ป้อมปราการจะได้เงิน 750 โดยมีรางวัลบอกว่า ชนะแล้วจะได้การ์ดทหารอะไรมาเป็นรางวัล โดยเลือกได้เพียงแค่ 1 ใบเท่านั้น ซึ่งรางวัลการ์ดตรงนี้จะถูกรันดอมการ์ดที่เราปลดมาแล้วเท่านั้น

เมื่อเข้ามาแล้วก็จะเป็นการต่อสู้โดยให้เราเลือกการ์ดทหารที่เรามีอยู่บนมือ โดยเป้าหมายง่ายๆคือบุกไปตีปราสาทของศัตรูจนแตก เท่ากับชนะ หรือโดนตีแตก เท่ากับแพ้

โดยมีค่า Mana ในการซัมมอนการ์ด จำนวนการใช้ Mana ขึ้นอยู่กับการ์ดนั้นๆ เช่นแท๊งใบนี้ ต้องใช้มานา 4 ในการซัมมอน เราจำเป็นจะต้องรีบคิดว่าจะเลือกตัวอะไรออกมาสู้

Role การ์ดแต่ละใบก็จะมีจุดอ่อน เหมือนเกมมือถือทั่วๆไป

หลังจากปล่อยทหารลงไปซักพัก หลอดสกิลไม้ตายขององค์หญิงก็จะค่อยๆขึ้น เมื่อครบ 100% ก็จะสามารถใช้ท่าไม้ตายได้

ยกตัวอย่าง บาบาร่า จะสามารถเพิ่มพลังโจมตี คริติคอล ของทหารที่ถูกเรียกลงมาแล้วได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง

มีไอค่อนลูกศรขึ้น (ตีแรงขึ้น) ดาว (คริติคอล)

เมื่อแพ้ก็จะเสื้อผ้าขาด สไตล์เกมญี่ปุ่น XD

และเมื่อแพ้ก็จะเข้าสู่พิธีดึงตราสัญลักษณ์

พิธีดึงตราสัญลักษณ์ (โอชิโอกิ)

ในเกมนี้ พิธีดึงตราสัญลักษณ์จะถูกเรียกว่า โอชิโอกิ (การลงโทษ) โดยจะต้องทำให้ผู้ที่ถูกลงโทษนั้นรู้สึกผ่อนคลาย แล้วตราสัญลักษณ์จะถูกแสดงขึ้นมา และถูกส่งต่อให้กับผู้ลงโทษ

ในพิธีนั้น จะให้เราเลือกการ์ดอุปกรณ์ลงโทษ จากนั้นก็ต้องเลือกตำแหน่งใช้ โดยองค์หญิงแต่ละคนก็จะมีอุปกรณ์จุดอ่อนที่ต่างกัน และตำแหน่งจุดอ่อนบนร่างกายต่างกัน หากใช้ของถูก และ ถูกจุดหลอดตื่นเต้นก็จะเต็ม ก็จะได้หัวใจ 1 ดวง หากทำครบ 3 ดวง ตอนจบสตอรี่ตัวละคร หรือเกมโอเว่อร์ ก็จะได้ค่าประสบการณ์มากขึ้น

ของที่มีให้เลือกใช้ในการลงโทษนั้นมีดังนี้

น้ำแข็ง , ขนนก , นวดด้วยมือ , ลูกกลิ้ง , ยานวด , ลูกบอลสั่น , สไลม์

แรกสุดจะมีเพียงแค่ 4 อย่างแรกเท่านั้น และจำนวน Turn เพียงแค่ 5-6 ครั้งเท่านั้น ของและ Turnลงโทษ จะต้อง เก็บค่าประสบการณ์ไปเรื่อยๆหลังจบสตอรี่ ก็จะปลดเองตามเลเวล

ครั้งนี้จะยกตัวอย่างของที่ปลดยากที่สุดคือ สไลม์ ของเหลวเลอะเต็มตัวไปหมดเลย~~

และนี่คือตราสัญลักษณ์ของ องค์หญิงฟรีด้า อยู่ที่ขาอ่อน โดยตราสัญลักษณ์ ทุกตัวละครก็จะอยู่แถวๆบริเวณนั้นล่ะ 😳

ข่าวร้าย : แถวๆอวัยวะเพศไม่สามารถใช้อุปกรณ์ในการลงโทษได้ 😱

การ์ดทหาร

จำนวนการ์ดในเกมนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 50 ใบ หลังจบสตอรี่ขององค์หญิง 1 คน ก็จะปลดการ์ดประจำตัวนั้นให้ 4 ใบ ให้เอาไปสุ่มต่อในสตอรี่ของคนอื่น การ์ดก็จะมี 3 ระดับคือ Common , Mystic และ Legend

ตัวอย่างการ์ด 3 ประเภท

Common Type
ประเภท – โจมตีระยะใกล้
จำนวน Unit – 1 คน ต่อการซัมมอน
พลังป้องกัน – 2782
พลังโจมตี – 240
ประเภทการโจมตี – โจมตีต่อตัวศัตรู
ระยะการตี – 1400
ความเร็วในการโจมตี – ธรรมดา
ความเร็วในการเดิน – ธรรมดา
คำอธิบาย – Unit ทหารธรรมดาๆ

Mystic Type
ประเภท – โจมตีระยะกลาง
จำนวน Unit – 1 คน ต่อการซัมมอน
พลังป้องกัน – 2531
พลังโจมตี – 135
ประเภทการโจมตี – โจมตีเป็นหมู่
ระยะการตี – 2200
ความเร็วในการโจมตี – เร็ว
ความเร็วในการเดิน – เร็ว
คำอธิบาย – ใช้หอกสามง่ามโจมตีศัตรูเป็นหมู่

Legend Type
ประเภท – โจมตีระยะกลาง
จำนวน Unit – 1 คน ต่อการซัมมอน
พลังป้องกัน – 2662
พลังโจมตี – 160
ประเภทการโจมตี – โจมตีต่อตัวศัตรู
ระยะการตี – 2300
ความเร็วในการโจมตี – ธรรมดา
ความเร็วในการเดิน – เร็วมาก
คำอธิบาย – เมื่อโจมตี จะบัฟพลังโจมตีให้เพื่อนรอบข้างไปด้วย

จะเห็นว่าตัวละคร Legend จะมีความสามารถพิเศษหลังจากซัมมอนออกมาด้วย ไม่เหมือนกับพวกการ์ด Common หลังๆมีการ์ดเยอะมา จนเลือกจัดทีมยากอยู่เหมือนกัน เพราะสตอรี่องค์หญิง 1 คนนั้น สามารถจัด Deck ได้สูงสุดเพียงแค่ 20 ใบเท่านั้น

ความรู้สึกหลังเล่นจบแล้ว

จากตอนแรกที่อยากเล่นเกมนี้ เพียงแค่สาเหตุว่า มันมีฉากลวนลามโป๊ๆนิดหน่อย เลยอยากเล่นขำๆเท่านั้นเอง แต่พอเอามาเล่นแล้ว ก็รู้สึกว่า สตอรี่สนุกดีได้เห็นความสัมพันธ์ของแต่ละคนจากเรื่องเล่าขององค์หญิงทุกคน แล้วรู้สึกสนุกกับมันมาก ส่วนพิธีลงโทษนั้นก็เหมือนเป็นแค่ของแถมไปเลย จริงๆฉากลงโทษเราชอบแค่รอบแรกๆของแต่ละคนเท่านั้นล่ะ แต่ก็ไม่ได้มีฉากอะไรที่ทำให้เกิดอารมณ์อะไรเลย คนที่เกิดอารมณ์กับฉากลงโทษในเกมนี้ได้ก็คงจะเด็กประถมแล้วล่ะ 😂 พอเห็นฉากลงโทษทุกคนแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าเป็นฉากที่น่ารำคาญไปเลย เพราะต้องเสียเวลาเลือกของลงโทษ กับโยกไปกดใส่จุดอ่อนอยู่ตลอด ยิ่งหลังๆเลเวลตันละ ได้ Turn ลงโทษตั้ง 20 รอบแหน่ะ นานเกิ้นนนน เอาเป็นว่าเรารู้สึกกับการเล่นจบ 17 ชั่วโมง ได้อ่านสตอรี่ทุกคนแบบนี้แล้ว รู้สึกพอใจมากๆเลยล่ะ มันได้อารมณ์เดียวกับตอนเล่น Senran Kagura เลย เราเล่นทุกภาคนะ(แฟนพันธุ์แท้) รู้จักตัวละครครบหมด ใครเป็นยังไงกะใคร นิสัยยังไง เกมนี้ก็จะเป็นแนวๆเดียวกัน แต่อาจจะไม่ลงลึกขนาดเกมนั้น แต่ก็เกินพอแล้วล่ะ

เมื่อไรที่เกมกลับมาวางขายได้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ไปแก้อะไรบ้าง อาจจะทำให้ฉากลงโทษปกปิดมากกว่าเดิม เราก็อยากให้ลองซื้อมาเล่นกันดูนะ

เราโพส CG ฉากลงโทษเริ่มต้น กับตอนหัวใจดวงสุดท้าย และ CG ฉากจบทุกคนไว้ละกัน เผื่อใครอยากดู หรือ อยากโหลดไปใช้เป็นวอลเปเปอร์คอม CG ฉากจบสวยดี เราชอบมาก

เราชอบเซน่ามากๆ

All CG / จุดอ่อน

บาบาร่า

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างขา
2นวดมือ , ลูกกลิ้ง , บอลสั่นแขน
3นวดมือ , ลูกกลิ้ง , บอลสั่นหน้า

คาลร่า

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างหน้าอก
2ขนนก , นวดมือ , สไลม์หน้าท้อง
3ขนนก , นวดมือ , สไลม์ก้น

โดโรเธีย

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างหน้าท้อง
2ขนนก , ลูกกลิ้ง , ยานวดหน้าอก
3ขนนก , ลูกกลิ้ง , ยานวดหน้า

เอเรโอนอร่า

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างก้น
2น้ำแข็ง , นวดมือ , ยานวดขา
3น้ำแข็ง , นวดมือ , ยานวดหน้าอก

ฟรีด้า

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างขา
2น้ำแข็ง , ลูกกลิ้ง , ลูกบอลสั่นหน้าอก
3น้ำแข็ง , ลูกกลิ้ง , ลูกบอลสั่นหน้า

เกรส

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างหน้าอก
2น้ำแข็ง , ขนนก , สไลม์หน้าอก
3น้ำแข็ง , ขนนก , สไลม์ก้น

ฮิลเด

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างหน้าท้อง
2ขนนก , นวดมือ , สไลม์หน้าอก
3ขนนก , นวดมือ , สไลม์ขา

อีลีส

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างหลัง
2น้ำแข็ง , ลูกกลิ้ง , ยานวดก้น
3น้ำแข็ง , ลูกกลิ้ง , ยานวดหน้า

อาเรีย

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างหน้าท้อง
2ขนนก , ลูกกลิ้ง , สไลม์แขน
3ขนนกหน้าอก

เซน่า

หัวใจอุปกรณ์ตำแหน่ง
1ทุกอย่างหน้าท้อง
2น้ำแข็ง , นวดมือ , บอลสั่นหน้าอก
3น้ำแข็ง , นวดมือ , บอลสั่นก้น

ประสบการณ์แรกกับ Neck Speaker Panasonic SC-GN01E

2

Panasonic SC-GN01 Sound Slayer คือ Neck Speaker ที่ Panasonic ร่วมพัฒนากับ Masayoshi Soken – Composer และ Go Kuniya – Audio Editor ของ Final Fantasy XIV ซึ่งเป็น Gaming Neck Speaker ตัวแรก ที่มีจุดเด่นตรง มีลำโพงอยู่ภายในถึง 4 จุด ทำให้เสียงแสดงออกมาได้ถึง 4 มิติเพื่อให้รู้สึกดื่มด่ำกับเกมให้มากยิ่งขึ้น ถูกเปิดตัวออกมา ช่วงประมาณเดือนตุลาคม ปี 2021 ราคาอยู่ที่ 20000 เยน หรือประมาณ 6000 บาท

ล่าสุดเพิ่งมีข่าวว่าจะทำ Bundle ลาย FFXIV บน Neck Speaker ซึ่งเราก็สนใจ แต่คิดว่าตัว Bundle คงมาไม่ถึงมือเราแน่ๆ แถมคงจะแพงแน่ๆ

แถมเราไม่ใช่พวกสายซื้อของ Bundle อยู่ละ เพราะไม่ได้เอาของไปโชว์ลายให้ใครดู ใช้เองคนเดียวอยู่แล้ว จึงมองไปที่ตัวธรรมดา ก็มาได้จากศูนย์ Panasonic ของไทย ในราคา 7990 บาท (แพงแสส)

ข้อดีของ Neck Speaker คืออะไร?

อย่างแรกเลยก็คงจะเป็นเรื่อง ดีต่อหู ไม่ต้องครอบหู ให้เกะกะ ร้อน หรือเจ็บใบหู ยิ่งกับเราซึ่งมีปัญหาเรื่อง ใช้เฮดโฟนครอบหูนานๆแล้วก็เจ็บ ใส่อินเอียนานๆ ก็สิวขึ้นในหู ซึ่งเวลาเป็นมันจะหายช้ามาก จึงไม่ค่อยชอบใช้ซักเท่าไร

และที่เราค่อนข้างจะใส่ใจมากๆเลยคือ เรื่องการใช้ Headphone แล้วก้านด้านบนของเฮดโฟนมันกดหัว ทำให้ทรงผมเพี้ยน บ้างก็เป็นร่องลงไปเห็นหนังหัว มันมีความรู้สึกเหมือนเรากำลังจะหัวล้าน จึงไม่ค่อยชอบเท่าไร

และที่น่าจะดีสุดเลยคือ มีคนทัก ก็ได้ยิน ไม่เหมือนใส่เฮดโฟน มันไม่ค่อยได้ยินอะไรเลย ยิ่งเวลาเล่นเกมอยู่ด้วยแล้ว

แกะกล่องกันเลย

ในไทย ตัวรุ่นจะกลายเป็น SC-GN01E เพราะขาย worldwide ถ้าเป็นญี่ปุ่นจะ SC-GN01 เฉยๆ เกาหลีฮ่องกงก็จะ GN01K ราวๆนี้ เป็นรหัสการขายแต่ละประเทศเฉยๆ ถ้าซื้อไม่ต้องสับสนตรงนี้

กล่องภายนอก และ การบรรจุภายใน บนรางพลาสติค ตามรูปร่างสินค้าแบบนี้ ดูเหมือนของไก่กา ราคา 199 มาก ตามสไตล์พานาโซนิค จริงๆ น่าจะทำให้หรูกว่านี้อีกซักหน่อยก็ดี ราคาก็แพง

ภายในก็มีดังนี้

Neck Speaker

สาย AUX

Manual


ตอนแรกนึกว่าจะใหญ่กว่านี้ แต่ก็ไม่ได้เล็ก ไม่ได้ใหญ่ กลางๆกำลังดี ยังกะบูมเมอแรง มีน้ำหนักแค่ 244g เท่านั้น

ตรงส่วนท้ายทอยจะเป็นวัสดุยาง มีความยืดหยุ่นมากจากภาพจะเห็นว่า ใช้น้ำหนักจากด้านบน มันก็งอขนาดนี้แล้ว ไม่กล้างอมาก มันยืดหยุ่นขนาดกลัวหักเลย

ด้านล่าง มีจุดสั่นสะเทือนของเบส ให้สั่นเวลาสวมคออยู่

ด้านซ้ายของ Speaker จะมีปุ่ม Mic Mute ช่องเสียบ AUX และ Sound อยู่ เดี๋ยวจะมาอธิบายเรื่องปุ่ม Sound อีกที หลังจากนี้

และด้านขวามีปุ่ม Mute เสียง และปรับ Volume

ตัว Neck Speaker จะมีสาย USB พ่วงอยู่ ซึ่งตัวสายมีความยาว 3 เมตร ไม่สามารถถอดออกได้ ซึ่งเรามองว่าเป็นจุดด้อยของหูฟังตัวนี้ หรือคิดอีกแง่คือ มันมีเหตุผลที่ไม่สามารถทำให้ถอดได้ เพราะอาจจะทำให้คุณภาพตกลงก็ได้

เมื่อลองสวมใส่ดูแล้ว ก็จะเป็นราวๆนี้ ถ้าเป็นคนหุ่นทั่วๆไป ก็คงจะดูใหญ่ แต่เราร่างควาย จึงจะดูเล็กๆแบบนี้ แต่จริงๆก็ไม่ได้แย่อะไร กำลังดีเลย

เริ่มทดลองใช้

ตัวหูฟังจำเป็นจะต้องเสียบกับ USB 3.0 เท่านั้น หากเสียบกับ 2.0 เสียงจะเบามาก โดยตรงนี้ใน Manual มีเขียนเตือนเอาไว้อยู่แล้วว่า 2.0 จะส่งกำลังไฟน้อย ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับหูฟังตัวนี้ ไม่ว่าจะเสียบบนเครื่องใดๆก็ตาม ต้องเป็น 3.0 เท่านั้น

เมื่อเสียบเข้าเครื่องมา ไม่ต้องลงโปรแกรม ไม่ต้องลงไดร์เวอร์อะไรเลย ตัวหูฟังจะใส่ Device มาให้ทั้งหมด 3 ตัว

Playback Device 2 ตัว

และ Microphine Device 1 ตัว

ตอนแรกมันจะจำว่า (Chat) เป็น Default Device ต้องไปเปลี่ยนให้ (Game) เป็น Default Device แทนก่อน ถึงจะเสียงดี

เมื่อใช้ครั้งแรก สิ่งที่ต้องแก้เลยคือ ต้องไปปรับเช็คก่อนว่าหูฟังเป็น 5.1 รึยัง โดยที่หน้า Playback Device ให้คลิก (Game) จากนั้นกด Configure

ในส่วนนี้ควรจะเอาเสียงจาก Center ออก จะทำให้มิติของเสียงดียิ่งขึ้น

ส่วน full-range speakers นี่ เรามีความรู้สึกว่า ถ้าเล่นพวกเกม FPS ควรจะตั้ง full-range speakers ไม่งั้นจะได้ยินยากหน่อย

เริ่มทดลองเสียงกับเกมที่เล่นอยู่

Apex Legends

ตอนแรกต้องบอกว่าเราลองผิดลองถูกอยู่ประมาณชั่วโมงกว่า โดยครั้งแรกสุดเราเสียบสายพ่วง USB 3.0 เพื่อเพิ่มระยะสาย เพราะว่า 3 เมตร สำหรับเรา เรามองว่ามันสั้นไปหน่อย ก็เลยเอาไปลองกับ Apex Legends แล้วคิดว่า Speaker เสียงเบามากเลย

และความตลกคือ ตอนแรกที่คิดว่าเสียงเบาๆ พอเล่นไปจนได้ G7 Scout มา พอใช้ยิงปุ๊ป หูฟังจะดับไปเลย แล้วก็รันใหม่ เหมือนตอนเสียบเข้าเครื่อง ยิงอีกนัด ก็ดับอีก ดับทุกครั้งที่ยิง G7 ออกไป พอเช็คๆก็พบว่า สายที่เราขยาย USB ออกไป มันไฟเลี้ยงไม่พอนี่เอง ทำให้ดับเมื่อมีเสียงที่ดังมาก หลังจากนั้นเราจึง ต่อสาย USB ตรงๆกับคอม ผ่าน USB 3.0 ทำให้เสียงออกมาดังมาก คนละเรื่องกันเลย เพราะฉะนั้นต้องจำไว้เลยว่า ต้องเสียบตรงกับ Port USB 3.0 ขึ้นไปเท่านั้น หลังจากแก้แล้วก็เสียงดังมากแล้ว แต่ด้วยความที่มันเป็นเกม Battle Royale ใช่มะ เรารู้สึกว่ามันไม่สามารถแสดงเสียงที่อยู่ไกลมากๆได้ โดยปกติเรา เราใช้หูฟัง Audio Technica ATH-M40x เราจะได้ยินเสียงไกลมากๆ แต่ตัว Neck Speaker นี้ จะได้ยินแค่โดยรอบๆตัวใกล้ๆเท่านั้น จึงไม่เหมาะกับการเอามาเล่นเกม Battle Royale เท่าไร หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ Apex Legends ไม่ได้รองรับ 5.1 อะไรขนาดนั้น

Final Fantasy XIV

หลังจาก โง่มาชั่วโมงกว่า เราก็เริ่มเข้าไปลองกับ FFXIV ที่เป็นเกมที่ถูกเอามาพัฒนา Speaker นี้โดยตรงดูบ้าง

เรามาอยู่ที่เมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านอย่างที่ Limsa Lominsa ผู้คนนั่งคราฟของอยู่ทั่ว เสียงการคราฟ เสียงเดิน และเสียงเพลง ถูกแยกออกจากกันได้อย่างดีเลยทีเดียว

Sound Mode

ตัวปุ่ม Sound ที่อยู่ด้านซ้ายของ Neck Speaker ใช้ในการเปลี่ยนมิติเสียง โดยหลักๆจะมีดังนี้

RPG Mode – ทำให้เสียงโดยรอบมีมิติ ใกล้ไกล และเสียงเพลงประกอบฉากฟังได้ชัด ถึงแม้ว่าโดยรอบจะมีเสียงอื่นๆมากมายก็ตาม
FPS Mode – เสียงโทนต่ำจะไม่ได้ยิน เน้นเสียงกลาง และดัง
Voice Mode – เวลาฟังเพลง จะเน้นไปที่เสียงร้องมากขึ้น
Music Mode – เวลาฟังเพลง จะเน้นไปที่เพลงบรรเลงมากกว่าเสียงร้อง
Cinema Mode – กระหึ่มมากทุกอย่าง (ปกติจะใช้อันนี้เป็นหลัก ถ้าไม่ได้เล่นเกม เพราะเสียงดังดี)
Stereo Mode – ปรับกลับไปที่โหมด 2.1 แทน สำหรับการเล่นเกมที่ไม่ได้รองรับ 5.1

RPG Mode นี่จะเรียกว่า FFXIV Mode ก็ไม่แปลก มิติเสียงต่างๆจะแยกออกอย่างดีมาก ไม่มีเสียงอะไรทับซ้อนกันเลย

ไมโครโฟน

ตัวไมโครโฟน นี่ตัดเสียงรบกวน และ เสียงจาก Neck Speaker ออกไปดีมาก มีเสียงลอดบ้าง แต่ตัดออกไปร่วมๆ 95% เลย ตอนสตรีมเราลองใช้คุย Discord แล้ว มีเพื่อนทักว่าเสียงขาดๆหายๆบ้าง สงสัยเวลาคุย Discord อาจจะต้องตั้ง Automatically determine input sensitivity เป็น on ไปเลย ไม่งั้นเสียงจะขาดๆหายๆ โดยเฉพาะคนที่พูดเสียงโทนต่ำอย่างเรา ถ้าเป็นคนเสียงดัง อาจจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่เราค่อนข้างโอเคกับระบบตัดเสียงเลย ดีกว่าที่คิดมาก เพียงแต่เรามีไมโครโฟนที่ดีกว่านี้มากเกินไป จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเท่าไรนัก

ทดลองกับ Game Console

เราได้ทดลองกับ 3 เครื่อง นั่นก็คือ PS5 PS4 และ Nintendo Switch

PS5

จำเป็นจะต้องเสียบที่หลังเครื่องเท่านั้นเพราะ USB 3.0 อยู่ด้านหลัง ด้านหน้าไม่มี USB 3.0 น่าแปลกมาก เพราะ PS4 ด้านหน้าเป็น USB 3.0 แท้ๆ

PS4

เสียบที่หน้าเครื่องได้เลย ไม่มีปัญหา

Nintendo Switch

ต้องเสียบด้านหลัง Dock ตรงส่วนที่เสียบสาย HDMI เท่านั้น


PS4 PS5 จะถูกส่งเสียงเป็น Digital ส่วน Switch เป็น Analog ซึ่งเราลองแล้วไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไงเหมือนกัน เสียงดังเล่นเกมดีเหมือนกันทั้งคู่อะ ไม่น่าจะต้องใส่ใจ ส่วน Sound Mode ก็แค่เปลี่ยนไปเป็น Stereo Mode ก็จบปัญหาแล้ว

ทดลองใช้กับการถ่ายทอดสด

มาถึงจุดนี้ คงจะสงสัยว่า Playback Device ของ (Game) และ (Chat) แยกมาทำไมแล้วใช่ไหม จริงๆแล้วมันมีข้อดีกับการถ่ายทอดสดอย่างนึง คือเราสามารถเสียงเกม กับ เสียงพูดคุยออกจากกันได้ เพียงแค่ เราตั้งค่าดังนี้

Default Playback เป็น (Game)
Default Playback Discord เป็น (Chat)

จากนั้นตั้งค่า Audio ใน OBS เป็น Game ส่วนอีกตัวนึงเป็น Chat เท่านี้เราก็จะสามารถแยกเสียงเกม และเสียง Discord ออกจากกันได้แล้ว หากเราอยากให้เสียงเกมเบาๆ ก็แค่ปรับวอลุ่ม (Game) ใน OBS ลดลง ส่วน (Chat) ก็ให้ดังๆไว้เท่านั้น คนดูก็สามารถฟังเสียงพูดของเพื่อนเราได้มากกว่าเสียงเกมแล้ว

เสียง Game กับ Chat ออกมาพร้อมกันจะเป็นยังไง ?

เดิมทีตัวหูฟังนี้มีลำโพง 4 จุด หากตั้ง Discord เป็น (Game) เหมือนกัน เสียงมันจะออก 4 ช่อง ทำให้เสียงกับเกมทับกันฟังไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าหากตั้ง Discord เป็น (Chat) เสียง Discord จะไปออกที่ลำโพงตรงท้ายทอย ซ้ายและขวา ทำให้เราได้ยินเสียงพูดกับเกม แยกกันได้ดีมากขึ้น และจะทำให้เสียงพูดไม่สะท้อนเข้าไมค์ด้วย เพราะอยู่ไกลไมค์กว่า

ความรู้สึกหลังจากใช้มา 1 วัน

เรารู้สึกว่าคุณภาพเสียงนั้นทำออกมาได้ดีมาก พาดคอเอาไว้ ฟังเพลงได้ตลอดเวลาไม่น่ารำคาญอะไรเลย เราเห็นต่างประเทศรีวิวบ่นกันเยอะว่าเสียงเบาเกิน ซึ่งเราคิดว่าคนกลุ่มนี้น่าจะไม่ได้อ่านให้ดี ว่ามันต้องใช้กับ USB3.0 เท่านั้น จึงบอกว่าของไม่ดี ตอนแรกเราก็คิดว่ามันไม่ค่อยดีแต่หลังจากที่เราโง่ไปราวๆชั่วโมงนึง เราก็รู้ละว่ามันใช้ยังไง จึงโอเคกะมันมาก รีวิวในไทยก็หายาก ไม่ได้พูดถึงจุดดีจุดด้อยอย่างจริงจัง ไม่ได้บอกเลยว่าต้องแก้อะไรก่อนใช้งาน ถ้าถามถึงเรื่องจุดที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ดีเท่าไร ก็คงจะเป็นเรื่องเบสที่เบาไปหน่อย แต่ก็ยอมรับได้เพราะมันถูกทำมาเพื่อใช้เล่นเกม อีกเรื่องก็สาย USB ที่ไม่สามารถถอดได้ แต่ก็อย่างที่พูดไปว่า มันอาจจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่สามารถทำให้ถอดเข้าออกได้ เนื่องจากคุณภาพของเสียงก็เป็นได้ แต่ก็ห่วงว่าถ้าถอดเข้าถอดออกบ่อยๆ USB จะเสียรึเปล่า แต่ก็ไม่เคยเห็น USB Port เสียอะนะ แล้วก็อีกเรื่องก็คงจะเป็นเรื่องของราคา ซึ่งเรารู้สึกว่า ขนาด 20000 เยน หรือ 6000 บาท ต่างชาติยังบ่นว่ามันแพงเกินไปหน่อยเลย เข้ามาไทย พุ่งไป 7600-7990 นี่คือราคาโหดเอาเรื่องเลย ตอนแรกเราก็ลังเลมากๆ เพราะอ่านรีวิวต่างประเทศ มันค่อนข้างกระจัดกระจายมาก บ้างก็ว่าดี บ้างก็ว่าไม่ดี แต่สุดท้ายยอมซื้อมา ก็รู้สึกว่ามันดีกว่าที่คิด เพียงแต่ถ้ามันถูกกว่านี้ เหลือซัก 4-5 พัน น่าจะเป็นที่น่ายอมรับ และมีคนเลือกใช้มากกว่านี้ก็ได้นะ? และเรื่องสุดท้ายคือ เราเคยได้ยินว่า Neck Speaker นั้นถูกออกแบบมาให้ ผู้ที่สวมใส่ ได้ยินเสียงดังมากที่สุดแต่คนอื่นที่ไม่ได้สวม ก็จะไม่ค่อยได้ยินใช่มะ? แต่พอเราเอามาใช้ เรารู้สึกว่ามันลั่นดังมาก รอบข้างได้ยินแน่นอน หรือเพราะว่าเราเปิดดังเกินไปก็ไม่รู้แฮะ แต่เราว่ามันไม่ดังแบบพวกลำโพงทีวี มันจะแนวดังเล็ดๆออกไปนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับเกมที่เล่นด้วยล่ะ เล่นเกมยิงๆก็คงจะดังเกินไป นี่เรากำลังเขียนรีวิวนี้ก็คล้องคอ เปิดเพลงฟังคลอๆไปพิมพ์ไปคือชิลสุดๆไปเลย

สุดท้ายเราคิดว่า มันเป็นของที่น่าทดลองเล่นกันดู เราคิดว่ามันเหมาะสำหรับคนเล่นเกม Offline มากๆนะ ไม่ค่อยเหมาะกับพวกเกมที่ต้องฟังเสียงโดยรอบมากเกินไปแบบพวกเกม Battle Royale แต่เกมทั่วไป เราว่ามันคือเทพมากๆเลยล่ะ ถ้าเอาไปเล่นกับเกมอย่างเช่นมอนฮัน คงจะดีไม่เลวเลยล่ะ! ส่วนเกม Online ที่เราคิดว่ามัน Perfect มากๆเลยก็ FFXIV นี่ล่ะ ก็ไม่แปลกหรอก ก็ผู้พัฒนา FFXIV เขามาร่วมทำเลยนี่นา lol

ใครตังเหลือ ก็ลองซื้อมาเล่นดูนะ เจ๋งจริง!

ซ่อมคีย์บอร์ดพิมพ์เบิ้ลด้วยแอลกอฮอล์ 99.9%

0

ไม่ใช่เรื่องที่ขนาดต้องเอามาเขียนอะไรให้ยาวเหยียดหรอก

ก่อนหน้านี้ราวๆ 1 ปี เราซื้อคีย์บอร์ด Logitech G913 มาใช้ ราคาก็เอาเรื่องแหละเกือบหกพันบาท

คือความไม่เข้าใจอย่างนึง คีย์บอร์ด TKL เนี่ย ทำไมราคาตัว TKL ในไทย ถึงแพงกว่า คีย์บอร์ดธรรมดาก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ต่างประเทศ TKL ราคาถูกกว่าเสมอ

TKL คือคีย์บอร์ดประเภทที่เอา Numlock ด้านขวามือออก ให้ความกว้างของคีย์บอร์ดลดลง

แต่เรื่องที่จะเขียนคราวนี้ไม่ใช่เรื่อง TKL แพงกว่าตัวปกติ คือไอ้ G913 ที่เราใช้เนี่ย ประกันมันมี 1 ปี และความเลวคือ พอประกันหมดไป 3 วัน ปุ่มก็มีปัญหาทันที นั่นคือการพิมพ์ปุ่มเบิ้ล กด S ทีเดียว เบิ้ล 2 ตัว 3 ตัว ซึ่งเอาไปเล่นเกมไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหาคือ เวลาเอามาเขียนบล๊อค หรือ พิมพ์แชท อะไรกับใครนี่ล่ะ เบิ้ลจนต้องมาคอยลบอย่างน่ารำคาญเลย

ลองหาข้อมูลในไทยก็เจอคำช่วยเหลือแก้ปัญหา อย่างโง่ๆ เช่น ซื้อใหม่ ซึ่งไม่ตรงกับคำตอบที่ต้องการ

ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจซื้อคีย์บอร์ดใหม่จริงๆล่ะ เพราะประกันหมด ทีแรกกะจะส่งซ่อม แล้วซื้อตัวใหม่มาใช้ช่วงไม่มีคีย์บอร์ด แล้วความบ้าของเราคือ คีย์บอร์ดที่เอามาใช้แทนเนี่ย เจือกเป็นรุ่นเดิม แต่เป็นเวอร์ชั่น TKL แทน

画像

ตัวบนที่ปุ่มเบิ้ลเนี่ยเป็นสวิทต์ Linier ส่วนตัวล่างเป็นสวิทต์ Tactile

พอซื้อ TKL มาใช้ ก็ลืมเรื่องส่งซ่อมไปเลย พอมาตอนนี้เริ่มคิดๆว่า จะทิ้งตัวเก่าเลยก็คงจะไม่ได้ ราคาไม่ใช่ถูกๆ ครึ่งหมื่น ก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลต่างประเทศดู ก็ไปเจอคนอินเดียเขาแนะนำว่า ให้ซ่อมโดยใช้ ISO Phopyl 99.9% เป็นแอลกอฮอลบริสุทธิ์ Lab Grade ปกติเขาใช้ในการล้างพวกหลอดทดลองกัน

画像

ก็เลยซื้อมา 250 มล ร้อยกว่าบาทหน่อยๆ ได้มาลองเอามาหยอดลงไปในช่องปุ่ม S ที่เบิ้ล ด้วยไซริ้ง ประมาณ 1 มิลลิลิตรจากนั้นใส่ปุ่มกลับไป แล้วเบิ้ลปุ่มรัวๆ ทำแบบนี้ 2 รอบ เห้ย มันหายว่ะ! พิมพ์ไม่เบิ้ลแล้ว นี่ใช้มาสองวันแล้ว ไม่เบิ้ลจริงๆ โคดเจ๋ง

ถามว่ามันทำแล้วได้ผลยังไง? คือตัวแอลกอฮอล์จะลงไปกัดกร่อนฝุ่น หรืออะไรซักอย่างที่อาจจะไปขัด ทำให้เกิด double typing ออกให้ แต่ถ้าทำแล้วไม่หาย ก็แสดงว่าอาจจะเป็นปัญหาที่อย่างอื่นแล้วล่ะ แต่โดยทั่วไป มักจะเป็นปัญหาแบบที่เราเจอซะมากกว่า ยิ่งกับคนที่ซื้อมาพิมพ์ธรรมดาๆ ไม่ได้กดกระแทกรุนแรงนี่ไม่น่าจะมีปัญหาสวิทต์พังเลยนะ

เห็นว่าไม่มีเว็บในไทยเขียนวิธีก็เลย เอามาเขียนทิ้งไว้ในบล๊อก เผื่อมีคนเซิจกูเกิ้ลหาวิธีแก้ จะได้ลองวิธีนี้ได้ เผลอๆ เอาไปส่งซ่อม บางร้านมันอาจจะหยดแค่ แอลกอฮอล์ลงไปก็ได้ แล้วคิดค่าซ่อม 5-600 บาท ใครจะไปรู้

ใครมีคีย์บอร์ดแพงๆ อยากลองซ่อม ก็ลองวิธีนี้ดูนะ แต่อย่าลืมอย่างนะ ต้องเป็น ISO PROPYL Lab grade เท่านั้นนะ อย่าไปเอาแอลกอฮอล์ 70% ที่ใช้ล้างมือฆ่าเชื้อพวกนั้นมาใช้เชียว เจ๊งก็สมน้ำหน้าเลย

แอลกอฮอล์ 99.9% มันแรงมาก ใช้แต่น้อย อย่าใส่เยอะ มันมีโอกาสที่จะไปกัดกร่อนอุปกรณ์ภายในคีย์บอร์ดได้

เดี๋ยวจะหาว่าไม่ได้เตือน ใช้อย่างระมัดระวังด้วยล่ะ