Home Blog Page 4

EZCAP 287 เกมแคปเจอร์ ราคาแสนถูก ที่คุณภาพนั้น…

พอดีมีสอบถามถึงเกมแคปเจอร์การ์ดราคาถูกเข้ามากันเยอะ ครั้งนี้จึงนำตัวที่เราเห็นแล้วสนใจ มาแกะกล่องรีวิวให้ชมกัน

นั่นคือ EZCAP 287  เป็นการ์ดแคปที่รองรับ 1080p 60fps  เป็นการ์ดที่ราคาถูกมาก เพียงแค่ 55 usd หรือประมาณ 1660 บาท เอง

การ์ดตัวนี้ ผลิตโดยจีน ในอดีต EZCAP นั้นทำแค่แคปเจอร์สำหรับ AV Component ที่มีการ Copy ของปลอมเยอะมากกกกกก ในตลาดคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย

คือเห็นครั้งแรก ตกใจเลย เห้ย ตัวที่เราซื้อมาเมื่อปี 2014 ราคาตั้ง 7000 กว่าบาทนะ !! แต่ก็นะ เทคโนโลยี มันเก่าแล้ว ราคาจะถูกลง ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรละมั้ง

ไปดูกันเลยดีกว่า!

แกะกล่อง

ตัวกล่องเล็กๆ ขนาดพอๆกับกล่องใส่กระเป๋าตังได้ (เปรียบเทียบเข้าใจยากไหมนี่)

เปิดมา ก็เจอตัวการ์ดแคปเลย

แล้วก็สาย USB 3.0 ทั้งสองหัว ที่มีความยาว ประมาณแค่ 30 ซม เท่านั้นเอง ส่วนตัววัสดุของการ์ดแคปนั้น
เป็นพลาสติคโง่ๆ ดูกระจอก ยังกะของเล่นมากๆ

ส่วนช่องเสียบนั้น ก็มีแค่ Input เท่านั้น ไม่มี Output หมายความว่า ภาพที่แสดงออกมา มีแค่ในคอมเท่านั้น ไม่สามารถเสียบเล่นกับทีวีเพื่อเล่นไปด้วยได้

ส่วนอีกฝั่งก็เป็นช่องเสียบ USB 3.0 เพื่อต่อตัวการ์ด เข้ากับคอมพิวเตอร์

ตัวอย่างภาพจากเครื่อง PS4 และ Nintendo Switch

สิ่งที่เห็น

หลังจากทดสอบกับทั้งสองเครื่องเกมแล้ว พบว่า ภาพนั้นแสดงออกมาได้ถึง 1080p และ 60 fps จริง

แต่ คุณภาพของภาพนั้น ถือว่าแสดงออกมาได้แย่กว่าที่คิด รายละเอียดต่างๆในเกมนั้นถูกแสดงแบบไม่ชัด ไม่สมกับที่เป็น 1080p อารมณ์คล้ายๆกับกำลังเล่นเกม 720p บนหน้าจอ 1080p ไม่สามารถแสดงภาพได้ตามที่ควรจะเป็นซักเท่าไร และการแสดงสีนั้นค่อนข้างเพี้ยนมากๆ

เมื่อลองเปรียบเทียบ การ์ด EZCAP 287 กับ Monster X U3.0R ที่เราใช้อยู่ตลอด จะเห็นความแตกต่างของความละเอียด และ สีได้ดังนี้

เทียบตัวหนังสือ จะเห็นว่า แสดงรายละเอียดออกมาค่อนข้างแย่เลย

ปัญหาของเสียง

เนื่องจากตัวการ์ดนี้ ไม่มี Application ของตัวเอง มันทำ Device ตัวเองให้เป็นเหมือนกับ Webcam ตัวนึง ซึ่งต้องเรียกใช้ผ่านโปรแกรมอื่นอีกที อันนี้จึงทดสอบกับ Xsplit และ OBS แล้ว พบว่า การเรียกภาพขึ้นมา แล้วตั้ง Audio Output บน Video Capture ใน OBS นั้น เสียงออกมา ดีเลประมาณ 700ms ถือว่าดีเล ในระดับที่แย่มากๆ

เพราะฉะนั้น ถ้าให้แนะนำล่ะก็ ควรจะไม่ใช้ Audio Output ใน OBS แล้วให้ไปที่ Recording Device บนเครื่องคอมของเรา จากนั้นไปที่ Device ของ การ์ดแคป จากนั้นเลือก Listen to this device จะดีกว่า

ข้อแนะนำ สำหรับผู้ที่งบน้อย แต่อยากใช้เพื่อถ่ายทอดสด

การ์ดแคปตัวนี้ ถ้าให้คะแนนล่ะก็ จะให้ประมาณ 5 เต็ม 10 แล้วกัน เพราะภาพก็แสดงได้ถึงจะไม่ดีนัก เสียงก็แก้ปัญหาได้ ไม่ยากอะไร หากจะเอาไปใช้สตรีมคอมเครื่องที่สองล่ะก็ ก็โอเคนะ เพราะว่าภาพที่เราจะเอาไปถ่ายทอดสด ยังไงมันก็ไม่ค่อยชัดอยู่ละ และเราก็ดูภาพจากเครื่องเล่นอยู่ละ ไม่ได้ดูจากเครื่องสตรีม ใช้ตัวนี้ก็พอถูไถได้อยู่

ส่วนใครที่อยากซื้อมาเล่นเกมคอนโซลล่ะก็ ก็ได้นะ แต่แนะนำว่า การ์ดตัวเนี้ย ควรจะซื้อมาเพื่อสตรีม ไม่ได้ซื้อมาเพื่อจะมานั่งเล่นเกมคอนโซล ในจอคอม ถ้าคิดอย่างนั้นล่ะก็ หยุดก่อนเลย! ไม่เหมาะอย่างแรง ภาพมันจะเป็นอย่างที่แปะไปด้านบนนั่นล่ะ แย่เกิน

หากจะสตรีมเกมคอนโซล เราแนะนำ ควรจะต้องมีจอสำหรับใช้เล่นเกม เอาภาพชัดๆตามหลักไป ส่วนภาพจากการ์ดก็ปล่อยคุณภาพไม่ค่อยดี ยิงสตรีมไป โดยจะต้องซื้อ HDMI Splitter มาใช้กระจายภาพไปสองทาง เส้นทางแรกคือ ไปหาทีวี ช่องทางที่สองไปหาคอม แล้วก็มีสาย HDMI ทั้งหมด 3 เส้น ถ้าไม่เคยทำ อ่านแล้วคงจะงง ดูภาพนี้ละกัน

ตัว HDMI Splitter ก็แนะนำซื้อถูกๆก็ได้ หน้าตาประมาณเนี้ย หลักร้อยนิดๆ ก็มีขายแล้ว

แต่ตอนซื้อ ระวังให้ดี ต้องซื้อ HDMI Splitter นะ ไม่ใช่ HDMI Switch หลักการทำงาน ไม่เหมือนกัน เราต้องการกระจายสัญญาน ไม่ใช่เปลี่ยนสัญญาน

สรุป

การ์ดนี้เป็นการ์ดที่ คุณภาพก็สมราคา วัสดุก็สมราคา ใครที่อยากจะสตรีม โดยไม่ลงทุนเกมแคปเจอร์การ์ด แบบแพงนัก ก็ใช้แบบนี้ไปก็ได้ครับ ถ้าอยากเล่นภาพชัดๆ ก็ทำตามที่เราแนะนำไปด้านบนล่ะ  แต่ถ้ามีตัง ก็หาซื้อตัวยี่ห้อแพงๆใช้เถอะนะ 55 ตัวแพงๆก็ 5-6000 บาท ขึ้นไปนะ

Live เกมให้เพื่อนดูบน Discord

0

ตอนนี้ Discord ก็มีอัพเดทระบบถ่ายทอดสด ให้เราสามารถเปิด Live ให้เพื่อนในห้องดูได้แล้ว

เรามาดูกันดีกว่า ว่ามันดียังไง?

ก่อนอื่นเลย เซิฟเวอร์ที่จะสามารถ Live ได้นั้น ตอนนี้อาจจะยังไม่ได้ทุกเซิฟเวอร์ เพราะทาง Official เขาบอกว่า จะทยอยอัพเดทให้สามารถเปิด Live ได้ทุกเซิฟ แต่น่าจะโฟกัสไปทางเซิฟเวอร์ที่มีการ Boost ก่อนล่ะนะ

ของเราก็รอมานานเหมือนกัน จนตอนนี้ในที่สุดก็สามารถ Live ได้เสียที

มาลอง Live กันเลยดีกว่า

เกมที่จะสามารถเอามา Live ได้นั้น จำเป็นจะต้องเป็นเกมคอมเท่านั้น ส่วนเกมที่เป็นเกม Console ก็สามารถเปิด Live ได้เช่นกัน โดยต้องผ่านโปรแกรมแสดงภาพจาก Capture Card ขึ้นมาบนคอม และต้องห้ามเปิด Fullscreen ด้วย ถึงจะเปิด Live ได้ เหมือนกัน

เมื่อเราเปิดเกมขึ้นมาแล้ว จะสังเกตุเห็นว่าซ้ายล่างของโปรแกรม จะมี Icon ของเกมขึ้นมา พร้อมกับปุ่มเปิด Live

พอกดปุ่ม Live ขึ้นมาจะมีให้เลือกว่าเราจะ Live ใน Voice Channel ไหนดี แล้วก็กด Go Live ได้เลย

เมื่อเปิด Live แล้ว จะเห็นว่ามีหน้าจอของเกมที่เราเล่นอยู่ แสดงขึ้นมาจอเล็กๆ อยู่ขวาบน Discord

ตัว Setting ของ Live นั้น จะมี Quality ให้เลือกตามนี้

หากอยากจะ Live ภาพชัดๆ เฟรมเรทสูงๆ ต้องเป็น Nitro หรือ SV Boost LV 1 เท่านั้น

สำหรับราคา Nitro นั้นจะอยู่ที่ 9.99 usd/เดือน และ 99.99 usd/ปี

https://discordapp.com/nitro

หลังจากเปิด Live แล้ว เราจะอยู่ในห้องที่เรากำหนดว่าจะเปิด Live ในทีแรก เมื่อมองในมุมมองของคนอื่น ก็จะเห็นว่ามีตัวอักษร Live อยู่หลังชื่อ เมื่อกดที่ชื่อ ก็จะมีปุ่ม Join Stream ให้เข้ามาดูได้

เมื่อกดเข้าดู หน้าดู Live ก็จะแสดงขึ้นมาจอใหญ่ๆ

Delay ล่ะเป็นยังไง?

จากที่ทดสอบแล้ว Delay จะค่อนข้างน้อยมาก เพราะระบบของมันจะเป็นคล้ายๆกับ Remote หรือ Screeen Share ภาพก็เลยจะแทบจะเท่ากันเลย

แต่ว่าหากฝั่งคนดูเกิด Frame กระตุกขึ้น ดีเลก็จะออกห่างไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่ค่อยเสถียรซักเท่าไร

ดู Youtube & Twitch พร้อมกันกับเพื่อนผ่าน Live ได้ไหมนะ?

กดที่ปุ่ม Go Live ตามในรูป

จากนั้นเลือกไปที่หน้า Browser ที่เรากำลังดูอะไรซักอย่างอยู่ เช่นในภาพ เรากำลังดู Twitch อยู่

จากนั้นก็กด Go Live ได้เลย

เท่านี้ก็สามารถเปิด Live โดยแสดง Browser ให้เพื่อนๆมาดูด้วยกันได้แล้ว

จุดเด่น จุดด้อย

เราสามารถ Live หาเพื่อน และพูดคุยกับเพื่อนที่ดูได้ผ่าน Voice Channel ได้เลย โดยที่ผู้ชมที่คุยกับเรา เสียงพูดก็จะไม่เข้าไปใน Live ด้วย จะได้ยินแต่เสียงในเกมที่เปิด Live อยู่เท่านั้นเลย ถือว่าดีมาก สำหรับผู้ที่อยากจะเปิดเกมให้เพื่อนดูเฉยๆ และในห้อง Voice Channel นึง สามารถเปิด Live ได้กี่คนก็ได้ อยู่ด้วยกันได้หมด ไม่ได้กำหนดว่า สามารถ Live ได้แค่ 1 Live ต่อห้อง เหมาะสำหรับการเล่น Party Game ทำให้ดูได้หลายมุมมองด้วย

ข้อเสียคือ สามารถรับชมได้แค่ 10 คนสูงสุดต่อ Live ซึ่งก็พอจะเข้าใจ เพราะว่าระบบมันคล้ายๆกับการ Remote Screen Share จึงไม่เหมาะสมสำหรับการให้รับชมได้เยอะๆ ถ้าจะไปทางนั้น ไปเปิด Live บนเว็บจะดีกว่า และฝั่งคนดู ยังกระตุกน่าดู เดี๋ยวดี เดี๋ยวแย่ ทำให้การดูนั้นไม่ค่อยสมูทซักเท่าไร แถมไม่รู้ด้วยว่า Server Region สตรีมอยู่ที่ไหน แต่เดาว่าน่าจะเป็นเซิฟเวอร์เดียวกับที่เซิฟเวอร์นั้นๆตั้งไว้ก็ได้

สรุป

คิดว่า หากอยากจะเปิด Live แค่ให้เพื่อนดูมุมมองของเรา เวลาเล่นเกม ก็ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจดี แต่ถ้าต้องไปจ่าย Nitro เพื่อที่จะมา Live ภาพชัดๆ เฟรมเรทสูงๆ เราคิดว่าไม่ได้จำเป็นเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากใครเติม Nitro อยู่แล้ว ก็คิดซะว่านี่เป็นฟีเจอร์ใหม่ ที่ทาง Discord เขาทำมาสำหรับผู้ที่เติม Nitro อยู่แล้วได้มีลูกเล่นเพิ่ม ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน

สตรีมเกมเต็มจอ มีแค่จอเดียว ก็อ่านแชทได้ง่ายๆ ด้วย Restream Chat

0

ล่าสุด เรามีเขียนเกี่ยวกับเว็บ Restream.io เอาไว้อยู่

เรามีพูดถึงโปรแกรม Restream Chat ไว้อยู่ด้วย นอกเหนือจากการเอาโปรแกรมมาใช้ในการอ่านแชทรวม ช่องที่เรา Live ทั้งหมดแล้ว

ในโปรแกรมนี้ยังมีจุดเด่นน่าสนใจอีกอย่างนึงด้วย ก็คือ สามารถใส่การโปร่งใสของฉาก Background ของโปรแกรม (Background Opacity)  และสามารถใช้ฟังก์ชั่น Away On Top ได้อีกด้วย งั้นก็หมายความว่า..

ใช่แล้ว เราสามารถเอามันมาวางไว้บนหน้าจอเกม ขณะที่เราเล่นอยู่ด้วย Away On Top และทำให้ Background ของโปรแกรมโปร่งใส เหลือแต่ข้อความ Chat แล้วเอามาวางบนหน้าจอเกม โดยไม่เกะกะสายตาด้วย

 

หากถามว่า แล้วมันดียังไงล่ะ?  วิธีนี้ ดีสำหรับ คนที่มีจอเดียว แต่อยากถ่ายทอดสด อยากอ่านแชทคนดูไป และเล่นไปด้วย โดยที่ไม่ต้องคอย Ctrl+Tab ออกมาอ่านแชท ที่ไม่รู้จะมาใหม่เมื่อไร รวมถึงสตรีมเมอร์ที่ใช้ Laptop(notebook) ก็เหมาะสมดีเช่นกัน

ตัวโปรแกรมนี้ ทำมารองรับเว็บสตรีมมิ่งมากมาย เช่น Twitch Mixer Youtube Facebook  ที่เป็นที่นิยมในไทย ก็สามารถใช้ได้เช่นกันหมด

เพียงแต่ Facebook Page นั้น จำเป็นจะต้องจ่ายเงินเพื่อใช้ Service เนื่องจากการเชื่อมต่อ Restream ไป Facebook Page ไม่อยู่ในส่วนของการใช้งานฟรี

แต่ว่าผมไม่ได้ใช้บริการของ Restream ยิงไปหลายเว็บ แต่สตรีมอยู่แค่เว็บเดียวที่ Twitch
จะใช้ Restream Chat ได้เหรอ?

ได้สิ ไม่มีปัญหา ถึงจะผิดคอนเซป เพราะเราไปเชื่อมต่อกับเว็บที่เราสตรีมไว้แล้ว
แค่แอบใช้ระบบอ่านแชทของเขาเฉยๆก็เท่านั้นเอง ไม่บอกไม่รู้หรอก

..

..

ว่าแล้วก็เริ่มเลยดีกว่า

ขั้นตอนแรก เราจะต้องสมัครสมาชิก Restream ก่อน

https://restream.io

เมื่อสมัครเสร็จแล้วก็ Login เข้าไปเลย เริ่มแรก เราจะต้องไปเชื่อมต่อเซิฟเวอร์ที่เราจะใช้อ่านแชทก่อน

ตัวอย่างของเรา เราเชื่อมไว้ที่ Twitch กับ Mixer เอาไว้ แล้วก็ต้อง Toggle on เอาไว้ด้วย

เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้ว เราก็ไปโหลดโปรแกรม Restream Chat กันต่อเลย !

Download

Restream Chat download

https://restream.io/chat

ลงโปรแกรมเสร็จก็ Login ด้วย Account ที่เราสมัครกับ Restream เอาไว้ก่อนหน้านี้เลย

เริ่มมา หน้าตาก็จะเป็นแค่เหมือนหน้าอ่านแชทธรรมดาๆ

  1. ส่วนที่ใช้อ่านแชท
  2. ช่องพิมพ์แชทของเรา
  3. ที่ใช้เลือกว่าเราจะพิมพ์ไปหาที่เว็บไหน โดยจะมีแบบ All และ แยก Channel อยู่
  4. จำนวนเว็บที่เชื่อมต่อสำเร็จ ตามที่เราตั้งค่าไว้  หากเป็น 1/2 แปลว่า มีเว็บนึงต่อไม่ติด
  5. จำนวนคนดูของทุกเว็บ สามารถ เปิด/ปิด ได้
  6. เข้าสู่หน้าตั้งค่า
วิธีตั้งค่า เอาไปวางอยู่ข้างบนเกมที่เราเล่น

เข้าไปที่ Settings ด้านขวาล่าง แล้วเลือก Appearance

เริ่มจากในตั้งค่า ลองติ้กที่ Always On Top แล้วเอาไปจัดวางบนหน้าจอเกมที่เรากำลังเล่นก่อน โดยเลือกจุดที่คิดว่าไม่น่าจะบังอะไรในเกม
Setting : standard mode, scale 100% , □compact mode , ☑show viewer counter , ☑always on top , background opacity 100% , message opacity 100% , □click through mode

จากนั้นก็ปรับ Background opacity เหลือ 0% เท่านี้ ฉากหลังของโปรแกรมก็หายหมดแล้ว
Setting : standard mode, scale 100% , □compact mode , ☑show viewer counter , ☑always on top , background opacity 0% , message opacity 100% , □click through mode

รู้สึกว่ามันรกใช่มะ? เราก็ปรับ ให้มันโปร่งใสหน่อย โดยปรับที่ Message Opacity ให้เหลือซัก 10% แล้วปรับ scale ซัก 130% ดู
Setting : standard mode, scale 130% , □compact mode , ☑show viewer counter , ☑always on top , background opacity 100% , message opacity 10% , □click through mode

หรือลองตั้งเป็น ☑ Compact Mode แล้วปรับ Scale 150% ก็ไม่เลวนะ? เรียบง่าย สบายตาดี
Setting : compact mode, scale 150% , ☑compact mode , ☑show viewer counter , ☑always on top , background opacity 100% , message opacity 100% , ☑click through mode

แต่แน่นอนว่า ถ้าเป็นพวกเกมออนไลน์ หรือเกมที่ต้องใช้เมาส์ มันต้องเจอปัญหา คลิกไปโดนแชทแน่นอน เพราะว่าเป็น Always On Top อยู่ ทำให้กดในเกมไม่ได้

ฉะนั้นเราต้องไปติ๊ก ☑ Click Through Mode (Hold down “Ctrl” to interact) เอาไว้

โดยการตั้งค่านี้ จะทำให้เวลาเราต้องการจะคลิกที่ตัวแชท ที่อยู่บนหน้าจอเกม เราจะต้องกด Ctrl ค้างไว้ด้วยตลอดเวลา ถึงจะคลิกได้

เท่านี้ไม่กวนใจเวลาเล่นเกมแล้ว

การใช้ Restream Chat นั้น มันจะมีบางครั้งที่จู่ๆก็หลุดจากการติดต่อแชท แต่ก็กด Reconnect ที่ขึ้นมาบนโปรแกรมได้เลย ส่วนตัวใช้ Restream Chat มาซักพักใหญ่ๆแล้ว ใน 1 เดือน เจอปัญหา หลุดจากแชท ก็ประมาณ 3 ครั้งได้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ส่วนใครที่อยากจะเอาไปใช้กับเวลาสตรีมอยู่ Facebook Page ล่ะก็ ส่วนตัวเคยเจอปัญหา คนที่แชทบน Facebook page ตัวโปรแกรม แสดงข้อความเบิ้ลขึ้นมา บางทีก็ไม่สามารถอ่านข้อความจาก Facebook Page ได้ แต่ทาง Restream เขาเคยออกมาพูดแล้วว่าอาการนี้ไม่ได้เกิดจากทาง Restream แต่เป็นปัญหาจากทางเฟซบุ๊ค  แต่ส่วนตัวไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะไม่ได้สตรีมเฟซบุ๊คอยู่แล้ว

โดยหลักๆแล้ววิธีนี้ ก็เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีจอคอมจอเดียวอย่างที่บอกไปล่ะครับ  แต่ส่วนตัวหลังๆมาก็เริ่มมาใช้วิธีนี้แล้ว เพราะเล่นเกมอยู่บางทีก็ขี้เกียจหันไปเหลือบมองอีกจอนึง เพื่ออ่านแชทเหมือนกัน

ลองเอาไปใช้กันดูนะ

การอัดวิดีโอด้วย Xsplit Broadcaster Software

0

บทความนี้เป็นการสอนใช้การอัดวิดีโอบนโปรแกรม XSplit Broadcaster Software หากต้องการอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการ Download โปรแกรม การใช้งานเบื้องต้น การตั้งค่า Resolution , FPS และการเรียกภาพหน้าจอ ภาพเกม เว็บแคม ขึ้นโปรแกรม XSplit Broadcaster Software เชิญอ่านได้ที่ วิธีใช้

https://www.men9ch.com/how-to-xsplit/


การอัดวิดีโอ สามารถทำได้โดยการกดที่ Local Recording โดยปุ่มเริ่มอัดวิดีโอนั้นจะอยู่ใน Outputs > Local Recordings

 การตั้งค่าความชัดของวิดีโอ

สามารถเข้าไปตั้งค่าโดยกดที่ฟันเฟืองด้านขวาของ Local Recording


Video Encoding

Codec – คือการเลือกปรับเลือกใช้ CPU หรือ GPU (การ์ดจอ) ในการประมวลผล โดยเดิมทีจะอยู่ที่ x264 (CPU)
หากคิดว่าการอัดวิดีโอโดยใช้ x264 ทำให้เครื่องคอม หรือเกมกระตุก ให้ลองปรับไปใช้เป็น NVENC H264 แทน

Note : NVENC H264 สามารถใช้กับการ์ดจอของฝั่ง Geforce เท่านั้นและรุ่นต้องไม่ต่ำกว่า GTX 1050Ti ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถใช้ NVENC H264 ได้

Quality – เป็นการเลือกปรับคุณภาพของวิดีโอที่อัดออกมา ยิ่งปรับคุณภาพสูงขึ้น ขนาดของวิดีโอก็จะใหญ่ยิ่งขึ้น ตามระยะเวลาที่อัดวิดีโอ

Audio Encoding

Bitrate (kbps) – เป็นการเลือกปรับความคมชัดของเสียง โดยพื้นฐานใช้ 128 หรือ 192 จะดีที่สุด

Output

File Type – เลือกประเภทของไฟล์ที่อัดออกมา โดยมีเลือกระหว่าง flv และ mp4 ความแตกต่างของสองไฟล์นี้คือ flv จะถูกบีบขนาดไฟล์ให้เล็กกว่า ในคุณภาพเดิม แต่จะใช้เวลาในการเปิดไฟล์ และใช้เวลาโหลด เมื่อกดข้ามเวลา ฉะนั้นแนะนำให้เลือกเป็น MP4 จะดีกว่า หากต้องการนำไปใช้ในการตัดต่อวิดีโอ ต่ออีกทีนึง

Split file – เป็นการสั่งให้ไฟล์วิดีโอถูกแบ่งออกเป็นไฟล์ถัดไปเมื่อขนาดของไฟล์วิดีโอมาถึงขนาดที่กำหนดแล้ว โดยสามารถเลือกให้ตัดเมื่อถึงกี่นาที หรือ ขนาดไฟล์กี่ MB แล้ว ก็ได้

หากอัดวิดีโอเป็นระยะเวลานาน ควรจะสั่งให้แบ่งไฟล์วิดีโอออก เมื่อขนาดถึง 2-4GB เพราะว่าหากนำไฟล์ขนาดใหญ่ไปใส่ในโปรแกรมตัดต่อวิดีโอในบางโปรแกรม จะไม่สามารถเรียกไฟล์วิดีโอได้ เพราะขนาดใหญ่จนเกินไป

Optimize for YouTube – เป็นการตั้งค่าให้โปรแกรมทำวิดีโอให้เหมาะสมกับการอัพขึ้น Youtube ได้เลย โดยที่ไม่ต้องให้ YouTube ทำการประมวลวิดีโอใหม่อีกครั้งซึ่งจะทำให้เสียเวลานานยิ่งขึ้น ก่อนวิดีโอของเราที่อัพโหลดขึ้น YouTube ไป จะสามารถดูได้

Create multitrack recording of microphone and system audio – เป็นการแยก Track ของเสียงเกม และ Microphone ออกจากกัน เมื่อใส่ไฟล์วิดีโอเข้าไปในโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ Track เสียงจะแยกออกจากกันเป็น 2 Track ทำให้สามารถตัดต่อเสียงที่ไม่ต้องการออกได้ง่าย เหมาะสำหรับการใช้ตัดต่อวิดีโอเป็นอย่างมาก

https://www.men9ch.com/xsplit-multitrack-recording/

ตำแหน่งที่เก็บไฟล์ของวิดีโอ

เดิมทีจะอยู่ในส่วนของ C:UsersVideoXsplit Videos

เราสามารถย้ายตำแหน่งการเก็บไฟล์ โดยเข้าไปที่ Tools > Recording

จากนั้นเปลี่ยน LOCATION ไปที่ตำแหน่งที่เราต้องการได้ทันที โดยกดที่ … ด้านหลัง Location

หลังจากตั้งค่าเสร็จ และทำการอัดวิดีโอในครั้งถัดไป วิดีโอจะถูกนำไปเก็บที่ใหม่ ที่กำหนดเอาไว้แล้ว

คอมค้าง หรือคอมดับขณะอัดวิดีโอ ทำไฟล์วิดีโอเสีย ดูไม่ได้

กรณีใช้ไฟล์ mp4 เท่านั้น เราสามารถ Repair ให้วิดีโอที่คอมค้างหรือคอมดับขณะอัด กลับมาดูได้ โดยการเข้าไปที่ Tools > Recording จากนั้นคลิกขวาที่ไฟล์ แล้วเลือก Repair เท่านี้วิดีโอก็จะสามารถดูได้แล้ว

MeN9
MeN9

เวลาขี้เกียจใช้โปรแกรมอัดวิดีโอ เราก็ใช้ตัวนี้ล่ะ ง่ายดี

การตัดต่อด้วยโปรแกรม Sony Vegas Pro 14

0

สิ่งที่จะสอนในการใช้โปรแกรม Sony Vegas Pro ตัดต่อวิดีโอนั้น เราจะสอนแค่เบื้องต้น ก็คือ

ผู้เขียนสอนบทความนี้ ใช้โปรแกรม Sony Vegas Pro เวอร์ชั่น 14.0 หากผู้อ่าน ใช้โปรแกรมคนละเวอร์ชั่นกัน บางเครื่องมืออาจจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกันได้ แต่โดยรวมแล้วพื้นฐานการใช้โปรแกรมนั้นจะเหมือนกัน ต้องระวังตรงนี้ด้วยครับ

ข้อควรระวังก่อนเริ่มใช้งานโปรแกรม

สิ่งที่ต้องทำก่อนอย่างแรก คือโปรแกรม Sony Vegas นั้นแรกเริ่มของโปรแกรมจะตั้งค่าให้ใช้ RAM ของคอมพิวเตอร์น้อยมาก เพียงแค่ 200MB เท่านั้น หากไม่ทำการแก้ไขตรงนี้ก่อนใช้งาน อาจจะทำให้เกิดปัญหา โปรแกรมค้าง ( Not Responding ) ขณะกำลังตัดต่อ และทำให้โปรแกรมดับไปเลย โดยที่ยังไม่ได้เซฟได้

เพราะฉะนั้น จะต้องแก้ไขก่อน โดยเข้าไปที่ Options > Perferences เลือกไปในส่วนของ Video แล้วปรับ Dynamic RAM Preview max (MB) เอา แนะนำให้ใส่ลงไปซัก 2000 ( 2GB ) แต่ส่วนตัวผู้เขียนใส่ลงไป 4000 ( 4GB ) เพราะว่ามี RAM ใช้งานอยู่ค่อนข้างเยอะ

สำหรับใครไม่รู้ว่าเครื่องคอมตัวเองมี RAM อยู่เท่าไร ก็สามารถดูได้ที่ตรงช่องใส่ Dynamic RAM ได้เลย โดยจะมีเขียน Max available เอาไว้ด้านหลังอยู่แล้ว นั่นคือจำนวน RAM ที่คอมพิวเตอร์มีอยู่นั่นเอง

หากมีน้อยก็ควรใส่เพียงแค่ 30% ของที่มีอยู่ก็น่าจะพออยู่นะครับ แต่ก็อย่าไว้ใจ เวลาทำต้องคอย Save งานบ่อยๆด้วย เพราะอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดก็เป็นได้

 วิธีตัด และต่อวิดีโอ เข้าด้วยกัน

ก่อนอื่น จะต้องนำไฟล์วิดีโอที่ต้องการจะตัดต่อนั้น เอามาวางใน Project Media ก่อน โดยลากมาใส่ในช่องว่างตามภาพนี้เลย หากไม่เห็นช่องแบบนี้ ให้กดที่ Project Media ด้านซ้ายก่อน ถึงจะเห็น

เมื่อนำไฟล์ วิดีโอ เข้ามาแล้ว ให้คลิกลากไฟล์จากในช่อง ลงไปที่ช่องด้านล่างของโปรแกรม ให้ชิดซ้ายสุดไปเลย

หากมีถามว่า Do you want to set you project video settings to match this media? ให้กดคลิก Yes ไปเลย ตัวโปรแกรมจะทำการปรับค่าต่างๆให้เหมาะสมกับวิดีโอที่นำมาตัดเอง

เมื่อไฟล์วิดีโอถูกใส่เข้ามาที่ช่องตัดต่อแล้ว เราก็มาเริ่มตัดต่อกันเลย

สิ่งที่เราต้องคอยสังเกตุจะมี จุดแสดงวิดีโอที่เรานำมาตัด ที่ด้านบน และ ช่อง Video & Audio Track ด้านล่าง เวลา Video & Audio Track มีการทำอะไรไป ภาพแสดงด้านบนก็จะแสดงตามที่เราตัดหมด เพียงแต่เวลาแสดงผล บางทีอาจจะไม่ชัด เพราะว่ามันเป็นแค่การแสดงภาพรวมเฉยๆ แต่พอทำออกมาเป็นวิดีโอแล้วก็จะชัดปกติดี

กรณีวิดีโอมีระยะเวลาสั้นมาก จะทำให้ตัดต่อยาก เราจะต้องขยายแถบด้านล่างของ Track ให้ขยายตัววิดีโอให้กว้างขึ้น โดยคลิกจุดตามภาพตัวอย่างด้านล่าง แล้วลากไปทางซ้าย เท่านี้ตรง Track ก็จะเหมือนเป็นการซูมไปช่วงวินาทีนั้นๆ และสามารถเลือกตัดให้ง่ายยิ่งขึ้นแล้ว

เริ่มการตัด โดยการคลิกที่ Video Track ตรงจุดที่ใกล้จุดที่อยากจะตัดแล้ว หากเบี้ยวซ้ายขวา ไม่กี่วินาที ก็สามารถเลื่อนได้โดยใช้ปุ่ม ← หรือ → บนคีย์บอร์ด เลื่อนได้ โดยการกด 1 ครั้ง จะเท่ากับการเลื่อนแค่เพียง 1 เฟรมเท่านั้น ก็ค่อยๆกดเลื่อนไปยังจุดที่จะตัดแน่นอนแล้ว จากนั้นกดคีย์ลัดปุ่ม S หรือคลิกที่เครื่องมือ Split ด้านล่าง

เท่านี้ จุดที่เส้นสีขาวไปอยู่ ก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนแล้ว

จากนั้นก็เพียงแค่ลบวิดีโอที่แบ่งออก ส่วนที่ไม่ต้องการออกไป โดยกดคลิกที่ส่วนนั้น แล้วกดปุ่ม Del บนคีย์บอร์ด หรือคลิกขวาแล้วเลือก Delete เพื่อลบส่วนที่ไม่ต้องการทิ้งได้เลย

เมื่อเหลือส่วนที่จะใช้ต่อแล้ว กรณีลบด้านหน้าของวิดีโอออกไป ส่วนที่ต้องการใช้ จะอยู่กลางทาง อย่างในภาพ จะอยู่ในช่วงเวลา 01:24;02 หมายความว่า ภาพนี้จะแสดงขึ้นเมื่อ เล่นวิดีโอไปถึงนาทีที่ 01:24 นั่นเอง ด้านหน้าที่ไม่มีอะไรเลย วิดีโอก็จะแสดงภาพดำๆแทน เพราะฉะนั้น เราจะต้องลากส่วนนั้นไปทางซ้ายสุดที่ 00:00;00 เพื่อให้ภาพขึ้นทันทีเมื่อเล่นวิดีโอ

เวลาตัดต่อวิดีโอ ก็จะหลักการคล้ายกันคือ เพียงแค่เลือกจุดที่อยากจะเอามาแสดง มาต่อๆกันเท่านั้นเองครับ ต้องดูดีๆ หากมีช่องว่าง วิดีโอก็จะมีช่วงเวลาที่จอดำครับ ฉะนั้นต้องวางต่อกันให้ชิดกันไปเลย

การใช้ Layer

Layer นั้น อธิบายอย่างง่ายๆ ก็คือระดับชั้น เหมือนเรามองกระดาษ 1 แผ่น มองเห็นหมดทั้งแผ่น นั่นคือ Layer 1 พอมีแผ่นที่ 2 มาวางซ้อน ก็หมายถึง Layer 2 ทำให้เราไม่สามารถกระดาษแผ่นที่ 1 ได้ เพราะว่ามีชั้น 2 บังอยู่  คิดแบบง่ายๆเพียงเท่านี้  มันจะมีผลต่อการแสดงภาพบนหน้าจอ โดยจะให้ความสำคัญกับ Layer ใหม่ มากกว่า เพราะอยู่ด้านบน

การสร้าง Layer ทำได้โดยการคลิกขวาที่ช่องว่างด้านซ้าย เลือก Insert Video Track หรือกด Ctrl+Shift+Q
เราจะพูดถึงการเพิ่ม Layer ของวิดีโอก่อน

เท่านี้ Layer ใหม่ก็จะขึ้นมาแล้ว โดยให้จำเสมอว่า Layer ด้านบนคืออยู่สูงกว่าเสมอ

การตัดต่อ มืออาชีพส่วนนึง มักจะใช้ Layer 1 และ 2 ในการวางการตัดต่อวิดีโอ ให้ดูเข้าใจง่ายๆ ว่านี่คือส่วนที่เรานำมาต่อกัน เพื่อให้มองง่ายขึ้นอีกด้วย

วิธีใส่ตัวหนังสือลงไปในวิดีโอ

เริ่มจากจะต้องสร้าง Layer ขึ้นมาก่อน จากนั้นตรงช่องด้านซ้ายของโปรแกรมเลือกแถบ Media Generators ขึ้นมา แล้วกดที่ (Legacy) Text แล้วเลือกรูปแบบตัวหนังสือซักอย่าง ลากลงมาที่ Layer 2 ที่อยู่ด้านบนของวิดีโอ การใส่ตัวหนังสือนั้น ตัวหนังสือต้องอยู่ Layer ด้านบนของวิดีโอเสมอ ไม่เช่นนั้นจะไม่เห็นตัวหนังสือ

เมื่อวานเสร็จ ช่องใส่ข้อความตัวหนังสือก็จะขึ้นมาเลย ก็กรอกข้อความที่ต้องการลงไป เลือก Font ที่ต้องการ หลังจากพิมพ์เสร็จ ก็กดปิดหน้าใส่ข้อความได้เลย

แต่พอใส่ตัวหนังสือเข้ามาแล้ว ตัวหนังสือก็จะอยู่ตรงกลางของวิดีโอ

เราจะต้องมาจัดตำแหน่งตามที่ต้องการก่อน โดยการกดที่เครื่องหมาย Crop บนตัวหนังสือที่เราลากใส่เข้ามาใน Layer แล้ว

หน้า Video Event FX ก็จะแสดงขึ้นมา ในนั้นจะมีหน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า นั่นคือหน้าจอของวิดีโอ และมีกรอบเส้นประ มีหนังสือ F อยู่ นั่นคือ ตัวหนังสือ ในหน้าจอ ให้คลิกซ้ายค้างแล้วเลื่อนดู ขณะเลื่อนก็ดูหน้าจอ Preview ในโปรแกรมไปด้วย ว่าอยากวางตรงไหน เมื่อจัดเสร็จแล้วก็กดปิด Video Event FX ไปได้เลย

จากนั้นก็มาจัดระยะเวลาที่จะให้ซับไตเติ้ลขึ้นและหายไป โดยต้องค่อยๆเลื่อนไปทางขวา ตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ตัดต่ออยากให้ตัวหนังสือแสดงขึ้นถึงตรงไหน แล้วหายไป ยกตัวอย่างในภาพคือผมทำให้ซับไตเติ้ลไทยขึ้นพร้อมกับซับไตเติ้ลในเกม และหายไปพร้อมกับซับไตเติ้ลในเกม ผมก็เลื่อนเส้นสีขาวไปถึงจุดที่ต้องการให้หายไป จากนั้นเอาเม้าส์ไปชี้ที่ด้านขวาสุดของตัวหนังสือใน Video Track จากนั้นคลิกซ้ายลากให้มันสั้นลงจนถึงเส้นสีขาว

เท่านี้ การใส่ซับไตเติ้ล 1 ประโยค ก็เสร็จแล้ว กรณีจะใส่บทพูดต่อไป โดยใช้ตำแหน่งซับไตเติ้ลที่เดิม และฟ๊อนท์เดิมทุกอย่าง ก็ทำได้ง่ายๆ

เพียงคลิกที่ตัวหนังสือที่เราทำเสร็จแล้ว จากนั้นกดคลิกขวาเลือก Copy หรือกดคีย์ลัด Ctrl+C จากนั้น นำเส้นสีขาว ไปถึงจุดที่จะวางซับไตเติ้ล แล้วคลิกขวาที่เส้นสีขาว แล้วกด Paste หรือกดคีย์ลัด Ctrl+V

ตัวโปรแกรมจะมีขึ้น Paste Option ขึ้นมา ถามว่าจะใช้ข้อความเดิมไหม ก็กดคลิก Create a new copy of the source media แล้วก็ OK

หากเลือก Create a reference to the original media แล้วไปแก้ไขภายหลัง จะทำให้ทุกจุดที่ใส่ตัวหนังสือประโยคเดียวกัน ถูกเปลี่ยนตามทั้งหมดเลย ต้องระวังด้วย

เท่านี้ตัวหนังสือก็จะถูก Copy ออกมาแล้ว แต่ทีนี้ตัวหนังสือและตำแหน่งก็จะเหมือนกับตัวต้นฉบับ เราจะต้องแก้คำพูดใหม่ โดยคลิกที่ไอค่อนฟิล์ม (Generated Media) ของตัวที่จะแก้ไข เท่านี้ หน้าแก้ตัวหนังสือก็จะขึ้นมาให้แก้แล้ว

เท่านี้ก็เป็นการทำซับไตเติ้ล แบบง่ายๆเรียบร้อย

การลดเสียงวิดีโอ

การลดเสียงวิดีโอนั้น ใช้ในกรณีที่เสียงในช่วงเวลานั้นๆอาจจะดังเกินไป หรือจะลดเสียงเพื่อใส่เพลงประกอบเป็นต้น เราจะต้องทำการตัดช่วงเวลาที่ต้องการลดเสียงออกเป็น 1 ช่อง แล้วไม่ต้องลบออก ให้ดูในส่วนของคลื่นเสียง เราจะเห็นขีดสีน้ำเงินอยู่ตรงกลาง นั่นคือจุดปรับเสียง ให้คลิกซ้ายค้าง จากนั้นลากลง ตามที่ต้องการ โดยถ้าลากลงไปข้างล่างสุด หมายถึงเสียงจะหายไปเลย

 

วิธีใส่เพลงประกอบ หรือ Sound Effect ลงไปในวิดีโอ

วิธีใส่ก็จะคล้ายๆกับการใส่ตัวหนังสือลงไป แต่ด้วยความที่เสียงนั้นเป็นแค่เสียง ไม่จำเป็นจะต้องมีตำแหน่ง บน หรือล่าง มันสามารถอยู่ Layer ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ Layer เดียวกัน

เราก็ต้องสร้าง Layer ของเสียงขึ้นมาก่อน โดยใช้วิธีเดียวกับการสร้าง Layer ของวิดีโอ แต่เปลี่ยนเป็น Audio Track แทน (คีย์ลัดคือ Ctrl+Q)

ตัว Audio Track นั้นจะอยู่ด้านล่าง แต่ก็อย่างที่บอกว่า มันไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่บนหรือล่างของ Layer ฉะนั้นก็ใส่เพลงเข้าไปได้เลย โดยเลือกตำแหน่งใส่ เหมือนกับวิธีใส่ตัวหนังสือ ที่สอนไปด้านบน หากเพลงยาวเกินไป ก็ใช้วิธีตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกแล้วลบได้เลย เหมือนวิธีตัดวิดีโอ ที่สอนไปในด้านบน

ส่วนระดับเสียงของเพลงประกอบ กับ เสียงจากวิดีโอนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ตัดต่อ ว่าอยากจะให้อะไรดังกว่ากัน ต้องเลือกปรับระดับเสียงตามความเหมาะสมเอาเองนะครับ

วิธีใช้เอฟเฟคเพิ่มความเร็ว หรือลดความเร็วของวิดีโอ

โปรแกรม Sony Vegas Pro นั้น สามารถปรับเร่งความเร็ว หรือลดความเร็ว ของวิดีโอได้สูงสุดเพียง 3 เท่า โดยเราสามารถกดเร่งหรือลด ได้ง่ายๆโดยการกด Ctrl ค้างไว้ จากนั้นคลิกซ้ายที่ขอบด้านขวาของวิดีโอ แล้วลากไปทางซ้าย เพื่อเร่งความเร็ว หรือ ลากไปทางขวา เพื่อลดความเร็วของวิดีโอได้ง่ายๆ โดยเมื่อเราเร่งความเร็วของวิดีโอ ก็จะทำให้ขนาดเล็กลง เพราะใช้เวลาในการดูน้อยลง ส่วนลดความเร็ว ก็จะยาวขึ้น เพราะต้องใช้เวลาในการดูมากขึ้น

วิธีทำให้ออกมาเป็นไฟล์วิดีโอ พร้อมใช้งาน

เมื่อโปรเจคของเราถูกตัดต่อ ใส่เพลง ใส่ตัวหนังสือเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาทำให้ออกมาเป็นไฟล์วิดีโอกันแล้ว เราจำต้องกำหนดช่วงเวลาของวิดีโอใหม่ก่อนว่า เราจะให้วิดีโอ ออกมากี่นาที กี่วินาที ตามที่ตั้งใจเอาไว้ โดยลากแถบลูกศรสีเหลือง (Loop Region) ด้านบน Track ให้ครอบคลุมวิดีโอที่ตัดมาทั้งหมด

จากนั้น เลือกที่ File > Render As…
หากกดไม่ได้ ให้กดเซฟงาน 1 ครั้งก่อน

ตั้งชื่อไฟล์วิดีโอ ในช่อง Name.mp4 โดยแก้แค่ Name เหลือ .mp4 เอาไว้  จากนั้นกด Browse ไปที่ตำแหน่งที่เราจำเก็บวิดีโอเอาไว้ แล้วกด Select Folder จากนั้นดูในส่วนของ Output Format ให้กดเข้าไปในส่วนของ Main Concept AVC/ACC (*.mp4;*.avc) แล้วเลือก Internet HD 720p ตามภาพประกอบ

จากนั้นก็กด Render ได้เลย แล้วก็รอให้โปรแกรมทำให้เสร็จ 100% ยิ่งคลิปนานก็ต้องใช้เวลาทำนานเช่นกัน หากคอมแรงก็จะเสร็จไวขึ้นในระดับนึงเลย

 

เมื่อเสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งปิดโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ ลองไปเช็ควิดีโอที่ทำก่อน เผื่อว่ามีตรงไหนพิมพ์ข้อความผิด ก็แก้แล้วก็ Render ไฟล์ใหม่อีกครั้งนึง หรือจนกว่างานจะออกมาดี อย่างที่ตั้งใจครับ

ตัดต่อวิดีโอด้วย XSplit Broadcaster Software

0

สำหรับฟังก์ชั่นการตัดต่อวิดีโอที่ให้มาใน XSplit Broadcaster Software นั้นจะง่ายมากๆ โดยจะสามารถทำได้แค่เพียง ตัดวิดีโอ และ ต่อวิดีโอ เพียงเท่านั้น เหมาะสำหรับการ crop วิดีโอ ช่วงเวลาที่ต้องการ เพื่อเอาไปใช้อัพโหลดในเน็ตง่ายๆ แบบไม่ต้องตัดต่อใส่เอฟเฟค หรือตัวหนังสือใดๆ

โดยเริ่มที่เข้าไปใน Tools เลือกที่ Express Video Editor

เท่านี้ตัวหน้าตาสำหรับใช้ตัดต่อวิดีโอนั้นก็จะขึ้นมา จะเห็นว่าเครื่องมือก็มีแค่เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง

เราเพียงใส่วิดีโอลงไป โดยกดที่ Add a video หรือจะลากไฟล์วิดีโอใส่เข้ามาเลยก็ได้

ตรงรูปแว่นขยายตรงกลางจอ สำหรับขยายเฟรมของวิดีโอให้กว้างขึ้น ง่ายต่อการตัดวิดีโอให้ตรงจุดที่ต้องการได้มากขึ้นอีกเล็กน้อย

เราก็ต้องเลือกจุดที่ต้องการจะตัด โดยกด Play เพื่อดูวิดีโอ หรือลากลูกศรสีฟ้า (วงสีแดง) ไปยังจุดที่จะตัดได้เลย

เมื่อถึงจุดที่ต้องการจะตัดแล้ว ก็เพียงแค่กดที่เครื่องมือกรรไกร เท่านี้ วิดีโอก็จะถูกตัดออกมาเป็นสองส่วนแล้ว

จากนั้นคลิกที่ส่วนที่ไม่ต้องการ แล้วกดที่ถังขยะเพื่อลบทิ้งได้เลย หากต้องการนำวิดีโอที่ไม่ใช่วิดีโอเดียวกันมา ก็เพียงกดที่ ไอค่อน + ด้านซ้ายของเครื่องมือ หรือจะลากไฟล์วิดีโอเข้ามาต่อได้เลย ก็ได้เช่นกันครับ

แต่วิดีโอที่จะเอามาใช้ร่วมกันนั้น Resolution ของวิดีโอ จะต้องเท่ากัน ไม่เช่นนั้นโปรแกรมจะไม่อณุญาตให้เราใส่วิดีโอเข้ามาเพิ่มได้ ต้องระวังในส่วนนี้ด้วย

แปลงเป็นไฟล์วิดีโอ

ทำได้โดยกดที่ File จากนั้นเลือก Export Video แล้วเลือกสถานที่ที่จะนำไฟล์ไปวางไว้ได้เลย โดยตัวโปรแกรม Xsplit Broadcaster นั้นจะทำให้เสร็จสรรพ อย่างง่ายดายเลย โดยไม่ต้องไปใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอบางตัวที่อาจจะยากสำหรับมือใหม่

วิธีใช้ Streamlabs

0
บทความนี้ ถูกเขียนขึ้นมาซักพักแล้ว อาจจะทำให้หน้าตาของโปรแกรมนั้นอาจจะต่างกันบางจุด แต่หลักการ การใช้งานก็จะเหมือนเดิมหมดครับ

Streamlabs เป็นเว็บไซต์ผู้ให้บริการ สถิติผู้ติดตาม ผู้บริจาค รวมถึงระบบแจ้งเตือน ช่องทางการรับเงินบริจาค ที่ถูกใช้เยอะที่สุดในกลุ่มเว็บไซต์สตรีมมิ่ง

สตรีมเมอร์ชื่อดังหลายๆคน เลือกที่จะใช้ Streamlabs (ในอดีตใช้ชื่อ TwitchAlert) เพื่อที่จะใช้ระบบแจ้งเตือนการบริจาค (Donate) เงินสด ผ่านระบบ Paypal เป็นต้น

ชื่อเว็บไซต์ https://streamlabs.com/

โดยระบบของ Streamlabs ในปัจจุบัน มีลูกเล่นอยู่จำนวนมาก ไม่ว่าจะใช้เว็บไซต์สตรีมมิ่งใดๆ ก็สามารถใช้ระบบของ Streamlabs ได้เช่นกัน

เพียงแต่ ในบางฟังก์ชั่นในเว็บ Streamlabs นั้นทำมารองรับเว็บไซต์ Twitch , Youtube , Mixer เท่านั้น

ทำให้หากใช้เว็บไซต์อื่น จะไม่สามารถนำมาใช้ได้ เช่นระบบ Jar และ Chat Room เป็นต้น

สำหรับผู้ใช้งานที่จะนำตัว Streamlabs ไปใช้งานคู่กับเว็บ Twitch หรือ Youtube

ควรจะใช้การ Login ของเว็บนั้นๆ ให้ตรงกันบนเว็บ Streamlabs ไปเลย เพื่อที่จะสามารถนำ

ฟังก์ชั่นของเว็บไซต์นั้นๆมาใช้ได้เต็ม 100% ครับ

สำหรับตัวอย่างในบทความนี้จะใช้การ Login ของ Twitch มาเป็นตัวอย่างนะครับ โดยจะเขียนอธิบายแบบเบื้องต้น จากนั้นผู้ใช้งานจะต้องนำไปจัดแต่งเอง ตามสไตล์ของตัวเองอีกครั้งนึง

ในบทความนี้ จะแนะนำวิธีใช้ ระบบหลักๆ ที่สตรีมเมอร์นิยมใช้กัน ดังต่อไปนี้

สามารถกดช่องทางลัดในส่วนนี้เพื่อไปสู่จุดที่ต้องการอ่านได้เลย

 พ่วงช่องทางการรับเงิน

หลังจาก Login แล้วจะต้องเข้าไปพ่วงบัญชีการรับเงินก่อน

เข้าไปที่ https://streamlabs.com/dashboard#/donationsettings

โดยในเว็บสามารถพ่วงเงินบริจาคเข้าบัตรเครดิตได้เลย แต่ทว่าประเทศไทยไม่อยู่ในการรองรับ ฉะนั้นจะต้องทำการพ่วงผ่านระบบ Paypal เท่านั้น

สำหรับวิธีสมัคร Paypal นั้น เพียงแค่ไปสมัครที่ paypal.com โดยกรอกข้อมูลให้ถูกต้องทั้งหมด จากนั้นก็นำมาพ่วงบน Streamlabs ได้เลย

เมื่อพ่วงสำเร็จ จะมีขึ้นชื่ออีเมล์บน Paypal ที่นำมาพ่วง หากขึ้นว่า Connected แปลว่าพ่วงสำเร็จแล้ว

 วิธีตั้งค่าเบื้องต้นการรับบริจาค และเอาลิ้งค์การรับบริจาค

เข้าไปที่ Setting ในหน้าของ Donation Settings  เราจะเห็นแถบ Settings

หลักๆแล้วที่จำเป็นจะต้องตั้งค่า มีดังนี้

My Currency – แก้ค่าเงินที่รับบริจาค โดยแก้เป็น THB
Donation Page Currency – Detect Automatically
Minimum Amount – รับบริจาค เงินขั้นต่ำ
Maximum Message Length – ความยาวของข้อความที่บริจาค เขียนหาได้
Suggestion Amount – จำนวนเงินบริจาค ที่แนะนำให้ผู้บริจาคเห็น ว่าให้เท่าไรดี

ลิ้งค์การรับบริจาค จะอยู่ในหน้าของ Setting เช่นกัน เช่นของผู้เขียนคือ

Your Page https://streamlabs.com/men9ch

เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วให้กด Save Settings ด้วย

วิธีตั้งเป้าหมายการรับบริจาค ( Donation Goal )

การตั้งเป้าหมายนั้นคือ การบอกให้ผู้ชมรับรู้ว่า เงินรับบริจาคนั้นเป้าหมายคือจะนำไปทำอะไร โดย Donate Goal นั้นจะแสดงจำนวนเงินที่ต้องการ รวมถึงจำนวนเงินที่ได้รับแล้ว ว่าได้รับไปแล้วเท่าไร อีกเท่าไรถึงจะครบ

โดยการเปิด Donation Goal นั้นจะต้อง ไปที่ส่วนของ Widgets > Donation Goal

ในหน้านี้จะมี Widget URL ด้านบนแต่เรายังไม่ต้องสนใจ  เราต้องไปตั้งเป้าหมายก่อน ที่ด้านล่างโดยมีดังนี้

Title – เป้าหมายในการรับบริจาค
Goal Amount – จำนวนเงินที่ต้องการ
Start Amount – เริ่มที่จำนวน x บาท
End After – หมดเวลารับบริจาค (เดือนXX/วันXX/ปีXXXX)

ตัวอย่างเช่น

Title – ค่าอินเตอร์เน็ต
Goal Amount – 1000
Start Amount – 100
End After – 09/09/2018

หมายความว่า ตั้งรับบริจาค ค่าอินเตอร์เน็ต จำนวน 1000 บาท ปัจจุบัน มีอยู่ 100 บาท เปิดรับบริจาคถึงวันที่ 9 กันยายน 2018

จากนั้นกด Start Donation Goal ได้เลย เท่านี้ การตั้ง Goal ก็สำเร็จแล้ว เมื่อกด F5 Refresh

หลอดการรับบริจาค ตัวอย่างก็จะขึ้นมาแสดงให้เห็นแล้ว

ในส่วนของ Widget URL ก็จะมีปุ่ม COPY คลิกเพื่อนำลิ้งค์สำหรับนำหลอดเป้าหมายการบริจาค ไปใส่ในโปรแกรม obs หรือ xsplit

โดยวิธีการใส่นั้นเราจะเขียนอยู่ในส่วนข้างล่างสุด หลังจากอธิบายทั้งหมดแล้ว

นำทางไป วิธีใส่ Widget URL   

ระบบเด้งแจ้งเตือนบนหน้าจอ

ระบบเด้งแจ้งเตือน Alert Box นั้น จะสามารถตั้งให้แจ้งเตือนการ Follow , Subscription , Donation , Hosts , Bits , Raids , Merch

แต่เราจะเขียนสอนการตั้งค่าสำหรับการแจ้งเตือนเพียงแค่ ผู้กดติดตาม (Follow) ผู้บริจาค (Donations) เพียงเท่านั้น

โดยวิธีการตั้งค่าในส่วนอื่นก็จะเหมือนกันทั้งหมดครับ

ก่อนอื่นต้องเข้ามาในส่วนของ ALERT BOX ในอยู่ในแถบของ Widgets

จากนั้น ด้านบนของ Widget URL ให้ติ้กเพียงแค่ Follows และ Donations เท่านั้น

จากนั้นในส่วนของ Media Sharing ให้กดไปที่ Donations เพื่อตั้งค่าการแจ้งเตือนของผู้บริจาค (Donations)

โดยการตั้งค่าจะเป็นดังต่อไปนี้

Donation Alerts – เปิดรับการแจ้งเตือนการบริจาค
Layout – คือรูปแบบ การแสดงภาพประกอบ และตัวหนังสือเขียนจำนวนเงินที่ได้รับจากผู้บริจาค
Alert Animation – การแสดงการแจ้งเตือนขึ้นมาเป็นรูปแบบอนิเมชั่น
Min Amount to Alert – จำนวนขั้นต่ำ ที่จะแจ้งเตือนขึ้นมา หากเท่าไรก็แสดง ให้ใส่ 0 ลงไป
Message Template – ตัวหนังสือการแจ้งเตือนการบริจาค
Text Animation – การแสดงตัวหนังสือในรูปแบบอนิเมชั่น
Image – รูปประกอบ เมื่อมีผู้บริจาค สามารถอัพโหลดรูปของตัวเองเข้าไปได้ โดยกด Change Media แล้ว Upload รูปภาพขึ้นไป
Sound – เสียงเตือน เมื่อมีผู้บริจาค สามารถกดเปลี่ยนได้เช่นกันกับ Image โดยกด Change Media แล้ว Upload เสียงขึ้นไป
Sound Volume – ความดังของเสียงเตือน
Alert Duration – ระยะเวลาที่ตัวหนังสือจะแสดงขึ้นมาบนหน้าจอ

* Message Template – ตัวอย่างการตั้งค่า ดังต่อไปนี้
{name} สนับสนุนเป็นจำนวน {amount}
{name} คือผู้บริจาค {amount} คือจำนวนเงิน โดยจะเชื่อมกับค่าเงินที่เราตั้งเอาไว้
ตัวอย่างของประโยคจะออกมาดังนี้
MeN9CH สนับสนุนเป็นจำนวน THB150

จากนั้นก็กด Save Settings ได้เลย ส่วนของการ Follow ก็จะตั้งค่าเหมือนกันกับ Donations ทั้งหมด

เราสามารถดูตัวอย่างการแจ้งเตือนได้โดยกดที่ LAUNCH ในส่วนของ Widget URL ขึ้นมาจากนั้นกดที่ปุ่ม Test Donations  ที่อยู่ด้านใต้ของ Widget URL ได้เลย โดยตัวอย่างที่ผมตั้งค่าไว้ จะแสดงประมาณนี้

ในส่วนของ Widget URL ก็จะมีปุ่ม COPY คลิกเพื่อนำลิ้งค์สำหรับนำหน้าการแจ้งเตือนไปใส่ในโปรแกรม obs หรือ xsplit

โดยวิธีการใส่นั้นเราจะเขียนอยู่ในส่วนข้างล่างสุด หลังจากอธิบายทั้งหมดแล้ว

นำทางไป วิธีใส่ Widget URL  

ลิสต์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบน Channel

Event List คือ Widget การแสดงสิ่งที่เกิดขึ้นบน Channel ทั้งหมด ดังต่อไปนี้

Follow , Subscription , Donation , Hosting , Bit , Raid , Merch

โดยเข้าไปที่ Event List ในส่วนของ Widget แล้วเลือกได้เลยว่าจะนำสิ่งที่เกิดขึ้นประเภทใด มาแสดงบนหน้าจอ Live

โดยสามารถเลือก Theme ตามที่ชอบ แล้วติ้กเลือกรูปแบบได้เลย จากนั้นก็ Save แล้วนำ Widget URL ไปใช้ได้เลย

โดยวิธีการใส่นั้นเราจะเขียนอยู่ในส่วนข้างล่างสุด หลังจากอธิบายทั้งหมดแล้ว

นำทางไป วิธีใส่ Widget URL

รายชื่อผู้บริจาค

รายชื่อผู้บริจาค Donation Ticker คือการนำรายชื่อผู้บริจาคล่าสุด มาวางเรียงกันเป็นแนวยาว แล้วค่อยๆเลื่อน

อธิบายง่ายๆก็เหมือนกับ แถบหุ้นตามช่องทีวีเป็นต้น

วิธีใช้ เข้าไปที่ Donation Ticker ในส่วนของ Widgets แล้วตั้งค่าได้เลยดังนี้

Message Format – การแสดงข้อความ {name}: {amount} จะแสดงเป็น MeN9CH: TH150
Max donations – จำนวนผู้บริจาคที่จะแสดงทั้งหมด
Text Scroll Speed – ความเร็วของตัวหนังสือ (ปรับแล้วดูตามตัวอย่างได้เลย)
Font – แก้ไขฟ๊อนต์
Font Size – แก้ไขไซส์
Font Weight – ระยะช่องว่างระหว่างชื่อ

จากนั้นก็ Save แล้วนำ Widget URL ไปใช้ได้เลย

โดยวิธีการใส่นั้นเราจะเขียนอยู่ในส่วนข้างล่างสุด หลังจากอธิบายทั้งหมดแล้ว

นำทางไป วิธีใส่ Widget URL

วิธีนำ Chat ขึ้นมาแสดงบน Live

เป็นการนำช่องพูดคุย Chat Box ที่เกิดขึ้นใน Live มาใส่บนหน้าจอ Live ให้ผู้ชมได้เห็นบนจอด้วย

โดยไปที่ Chat Box ในส่วนของ Widgets จากนั้นตั้งค่าตามที่ต้องการได้เลย แต่ถ้าให้แนะนำล่ะก็ แนะนำให้ติ๊ก Badges และ Extra Emotes ออกให้หมด จะดีที่สุด แล้วก็ปรับขนาดของฟ๊อนท์ หากต้องการทำให้ Chat หายไป หลังจากแสดงมาซักพัก ก็เพียงแค่กดปรับที่ Hide Message After แล้วปรับระยะเวลาวินาทีที่อยากจะให้แสดงก่อนจะหายไปได้เลย

จากนั้นก็ Save แล้วนำ Widget URL ไปใช้ได้เลย

โดยวิธีการใส่นั้นเราจะเขียนอยู่ในส่วนข้างล่างสุด หลังจากอธิบายทั้งหมดแล้ว

นำทางไป วิธีใส่ Widget URL  

การนำ Widget URL มาใส่ใน OBS , XSplit

OBS

คลิกขวา Add > Browser

ตั้งชื่อเป็น Widget ที่จะใส่ เช่น Donate Goal จากนั้นกด OK

นำลิ้งค์ Widget URL ที่ตั้งค่าเสร็จแล้ว มาใส่ลงใน URL จากนั้นกด OK ได้เลย

เท่านี้ Widget ก็ถูกนำมาใส่ลง OBS ได้สำเร็จแล้ว

XSplit Broadcaster Software

กดที่ Add source จากนั้นเลือก Webpage

แล้วนำลิ้งค์ Widget URL ที่ตั้งค่าเสร็จแล้ว มาใส่ลงใน URL จากนั้นกด OK ได้เลย

หลังจากใส่มาแล้ว อย่าลืม แก้ชื่อด้วย เพื่อป้องกันการสับสน ว่าเป็น Source อะไร โดยการกด Rename แล้วแก้ชื่อ

เท่านี้ Widget ก็ถูกนำมาแสดงบน XSplit สำเร็จแล้ว

วิธีใช้ XSplit Broadcaster Software

0
บทความนี้ ถูกเขียนขึ้นมาซักพักแล้ว อาจจะทำให้หน้าตาของโปรแกรมนั้นอาจจะต่างกันบางจุด แต่หลักการ การใช้งานก็จะเหมือนเดิมหมดครับ  หากจุดไหนมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ เราจะทำการแก้ไขในบทความนี้เอาครับ

XSplit Broadcaster Software คือโปรแกรมสำหรับใช้สตรีม หรืออัดวิดีโอ

  • เมื่อเปรียบเทียบกับโปรแกรมสตรีมมิ่งอื่นๆแล้ว ถือว่าเป็นโปรแกรมที่มีความพิเศษ และใช้ได้คล่องตัวกว่าโปรแกรมอื่นๆ
  • สามารถใช้สตรีมพร้อมกันได้หลายเว็บไซต์พร้อมกัน โดยตั้งค่าทีเดียวแล้วสตรีมพร้อมกันได้เลย โดยไม่กินสเปคเครื่องคอมจนเกินไป เมื่อเทียบกับโปรแกรมอื่น
  • รองรับระบบสตรีมมิ่งเว็บไซต์ใหญ่ๆทั้งหมด รวมถึงสามารถตั้งค่าสตรีมผ่าน Custom RTMP ได้เช่นกัน
  • เป็นโปรแกรมที่ถูกยอมรับทั่วโลก

ความแตกต่างของระบบฟรี และ ระบบจ่ายเงิน

รูปแบบ 
ฟรี
  • ระบบเสียงปรับได้สูงสุดเพียง 96kbps เท่านั้น
  • กรณีสตรีมหรืออัดวิดีโอคุณภาพ 720p fps60 ขึ้นไป จะมีโลโก้เว็บขึ้นมาอยู่บนจอด้วย
  • มีโฆษณาขาย Premium ขึ้นทุกครั้งตอนเริ่มใช้โปรแกรม
  • สามารถสลับ Scene ได้สูงสุดเพียง 4 Scene
พริเมี่ยม
  • เรียกได้ว่าเป็น Completed Edition ของ Xsplit ใช้ได้ทุกอย่าง
  • ค่าสมาชิก [ 24.95usd/3 เดือน | 59.95usd/1ปี | 149.95/3ปี | 449usd/ตลอดชีพ ]

มีความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้ XSplit แบบเสียเงิน ?

อันนี้ขึ้นอยู่กับความคิดส่วนตัวของแต่ละบุคคลเลย เมื่อเทียบกับ OBS Studio แล้ว คุณภาพของภาพที่ส่งออกไปนั้น แทบจะไม่ค่อยต่างกันเลย กรณีผู้ใช้งานต้องการใช้แค่เพื่อสตรีมมิ่งง่ายๆ ก็ไปใช้ OBS Studio ก็ได้ แต่กรณีที่ผู้ใช้งานต้องการความสามารถในการปรับเปลี่ยน ปรับแต่งหน้าจอ ที่ง่ายและรวดเร็วนั้น ฝั่ง XSplit จะใช้ค่อนข้างง่ายกว่ามากเลยทีเดียว

เกี่ยวกับ XSplit Gamecaster

XSplit นั้นนอกจาก XSplit Broadcaster แล้ว ยังมี XSplit Gamecaster อีกด้วย ซึ่งจะเป็นโปรแกรมแยกไปอีกที โดยจะเน้นไปที่การสตรีมเกมโดยตรง ใช้ในการเรียกภาพจากเกม หรือ ภาพจาก Video Capture ขึ้นมา และยังสามารถอัดวิดีโอได้เช่นกัน

ความพิเศษของ Xsplit Gamecaster นั้นคือในตัวโปรแกรมจะมี Overlay ซึ่งสามารถเรียกใช้ขณะเล่นเกมได้เลย รวมถึงมีเชื่อมต่อกับ Twitch สามารถตั้งค่าเช่น เปลี่ยนชื่อ Title ห้อง Live และ Now Playing เป็นต้น

หากจ่ายเพื่อเป็น Premium แล้ว สามารถใช้ได้ทั้งโปรแกรม XSplit Broadcaster Software และ XSplit Gamecater ร่วมกันได้ทั้งคู่

แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนถนัดการใช้ XSplit Broadcaster Software มากกว่า เนื่องจากใช้โปรแกรมสตรีมมิ่งมากกว่าเล่นเกม จึงไม่มีความเห็นกับ XSplit Gamecaster ซักเท่าไร

เตรียมตัวก่อนเริ่มใช้ Xsplit

การจะใช้ XSplit  นั้นจะต้องสมัครสมาชิก เพื่อใช้งานด้วย เนื่องจากจะมีระบบตรวจจับว่าได้ใช้โปรแกรมแบบฟรี หรือ แบบ premium อยู่ เพราะฉะนั้นเวลาเปิดโปรแกรม จะต้องมีการตรวจเช็คผ่านอินเตอร์เน็ตก่อนด้วย ทำให้เปิดโปรแกรมช้าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ OBS Studio

Download https://www.xsplit.com

การเรียกภาพ Source

เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา จะเห็นว่าโปรแกรมหน้าตาจะไม่มีอะไรเลย เป็นหน้าจอดำๆ หากเราเริ่มสตรีมโดยไม่เรียกภาพใดๆทั้งสิ้น ผู้ชมก็จะเห็นหน้าจอดำๆเหมือนใน XSplit ทั้งหมด ฉะนั้นเราต้องเริ่มจัดภาพขึ้นมาบนโปรแกรมก่อน

การเรียกภาพเกม

เริ่มจากเบสิคก่อนเลยคือการเรียกภาพเกมบนคอมพิวเตอร์ขึ้นมา โดยจะต้องเปิดเกมขึ้นมาไว้ก่อน แล้วกดไปที่ Add source ซ้ายล่างของโปรแกรม แล้วเลือก Game Capture แล้วเลือกชื่อเกมที่เราเปิดเอาไว้อยู่

หากเรียกภาพสำเร็จ จะมีภาพแสดงที่มุมของโปรแกรมเป็นขนาดเล็กๆ

จะต้องขยายให้เต็มจอโดยการลากขยายข้างในจอ ให้เต็มจอไม่ให้เห็นฉากสีดำข้างหลัง หรือกดที่ไอค่อนขยาย

ภาพจะถูกปรับเป็นเต็มจอให้ทันที

การจับภาพหน้าจอคอม

กรณีต้องการจะจับภาพหน้าจอนั้น จะทำให้ผู้ชมเห็นหน้าจอของผู้สตรีมทั้งหมด ฉะนั้นควรระวัง ในเรื่องของไฟล์ หรือความลับบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ให้ถูกเผยแพร่ไปในอินเตอร์เน็ตโดยผู้ไม่หวังดีด้วย

เริ่มจากไปที่ Add source เลือก Screen Capture > Monitor Capture > เลือก จอ ที่ต้องการจะแสดง

หากมีแค่จอเดียวก็จะมีตัวเลือกแค่ อันเดียว จะไม่เหมือนในภาพ

กรณีต้องการ Crop ภาพ จะต้องเลือกที่ Add source > Screen Capture > Smart Selection

จากนั้นก็จะมีแถบ + สีแดง ขึ้นมาบนหน้าจอ ให้ใช้เมาส์ลาก ไปที่จุดที่ต้องการ จากนั้น คลิกซ้ายค้างไว้ แล้วลากจุดที่ต้องการจะแสดง (Crop) จากนั้นปล่อยคลิกซ้าย

ภาพก็จะถูกแสดงเท่าที่ Crop เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ทำการจัดวางบนหน้าจอตามที่ต้องการได้เลย

กรณีเล่นเกม ควรจะใช้เป็น Game Capture มากกว่า Screen Capture หากใช้ Screen Capture จับภาพเกมผ่านบนหน้าจอ จะทำให้กินสเปคเครื่อง อาจทำให้เกมภาพกระตุกหรือไม่สมูทได้

การใส่ตัวหนังสือลงไปบนหน้าจอ

จะต้องไปที่ Add แล้วเลือก Get more sources เพื่อลง Plugins เพิ่ม

เมื่อแสดงหน้าโหลด Plugins ขึั้นมาแล้ว ให้พิมพ์คำว่า Text ลงไปที่ช่อง Search the store ด้านบน แล้วกด Enter

เลือกที่ Text จากนั้นกด Install

เมื่อลงเสร็จก็จะมีปุ่มใส่ตัวหนังสือใน Add ▼ Text…

เมื่อกดมา จะแสดงเป็น Title Text ก่อน ก็พิมพ์ตัวหนังสือที่ต้องการลงไปได้เลย แล้วปรับ Font ตามชอบ จากนั้นกด OK แล้วจัดตำแหน่งบนหน้าจอในโปรแกรม ไว้ในจุดที่ต้องการได้เลย

ใส่ตัวหนังสือไปแล้วไม่ขึ้นในจอ

ในกรณีนี้อาจเกิดจาก Layer ของภาพนั้น อยู่ผิดลำดับ เราจะต้องจำเอาไว้ว่า Source ที่ถูกเรียกขึ้นมานั้น อธิบายง่ายๆก็จะเหมือนกระดาษวางไว้ซ้อนกัน หากกระดาษแผ่นบนสุดเป็นภาพเกม ส่วนกระดาษใต้นั้นเป็นตัวหนังสือ  เราก็จำเห็นแต่ภาพเกม เพราะตัวหนังสือโดนทับไปดังภาพนี้

เราก็แก้โดยการคลิกที่ชื่อ Text ตัวหนังสือทั้งสองอันค้างไว้ แล้วลากขึ้นมาไว้ด้านบนภาพจากเกมแทน เท่านี้ตัวหนังสือก็จะแสดงขึ้นมาบนหน้าจอแล้ว

กรณีภาพเกมกับภาพหน้าจอซ้อนกัน ก็ใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน

การสลับ Scene

จะเห็นว่าด้านขวาของโปรแกรมจะมีปุ่ม Scene เยอะๆ นั่นคือจุดที่ใช้เปลี่ยนหน้าจอไปเป็น Preset หน้าจอในโปรแกรมเราตั้งค่าเอาไว้ สามารถเปลี่ยนชื่อตามที่เราต้องการได้ จะยกตัวอย่างการใช้งานดังนี้

Scene สำหรับแสดงเกม

Scene บอกลาผู้ชมก่อนปิด Live

การเรียกภาพจากกล้อง Webcam

เริ่มที่ Add▼ Device(webcam, capture card).. > Video > เลือก Device Webcam ที่ใช้อยู่

ตั้งค่าเสียงและไมค์โครโฟน

ตรงนี้คงไม่มีข้อแนะนำอะไรมาก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการจะคุยกับผู้ชม การตั้งค่าเสียง และไมค์โครโฟน ควรจะตั้งค่าเสียง Playback ให้ต่ำกว่าเสียง Microphone ประมาณ 30-50% เพื่อให้ผู้ชมสามารถฟังเสียงผู้สตรีมได้ชัดมากยิ่งขึ้น โดยไม่โดนเสียงของเกมกลบเสียงพูดหมด

การตั้งค่า Bitrate ของภาพและเสียง

คำเตือน กรุณาอ่านวิธีการตั้งค่าเพื่อ Live ให้เข้าใจก่อน ที่จะเริ่มอ่านวิธีตั้งค่า Bitrate เพราะว่าเป็นขั้นตอนต่อไป

ก่อนอื่น อย่างที่เขียนบอกไว้ในในเนื้อหา สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนจะเริ่มสตรีมมิ่ง หากไม่ได้อ่าน กรุณาอ่านก่อน

หลังจากได้สปีดอัพโหลดมาแล้ว ทีนี้ต้องมารู้เกี่ยวกับการใช้ Bitrate ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งต่างๆก่อน

โดยจะต้องตั้ง Bitrate สำหรับภาพ และ สำหรับเสียง จากนั้นเอามาบวกกัน เท่ากับค่าที่เหมาะสมที่สุด โดยแต่ละเว็บไซต์ก็จะไม่เหมือนกัน ดังต่อไปนี้

เว็บไซต์บิทเรตที่ใช้ตั้งค่า (รวม ภาพ + เสียง )
Youtube Live6000 – 9000
Twitch3000 – 6000
Mixer3000 – 8000
Facebook Live3000 – 6000

 เมื่อรู้ Bitrate ที่คิดว่าจะใช้ตั้งค่าแล้ว เอามาใช้ตั้งค่าในหน้าใส่ Streamkey ดังนี้

ยกตัวอย่างการตั้งค่าที่ Twitch โดยใช้ Bitrate 6000

แนะนำว่าเสียงไม่จำเป็นต้องตั้งสูงเกิน 128 เพราะแทบจะไม่ค่อยเห็นผล ในการถ่ายทอดสดเท่าไร

การตั้งค่า Resolution และ FPS

การตั้งค่า Resolution และ FPS มีผลความละเอียดของภาพสตรีมมิ่งที่ออกมา หากตั้งความละเอียดสูง แต่ใช้ Bitrate น้อย ก็จะมีผลต่อภาพสตรีมมิ่งที่ไม่ชัด เบลด หรือภาพแตก เป็นต้น ฉะนั้นจะต้องตั้งค่าให้เหมาะสมกับอินเตอร์เน็ตที่ตัวเองมี จะดีที่สุด

โดยมาตรฐานทั่วไป ก็จะใช้ Resolution กันที่ 1280×720 และ Frame Rate อยู่ที่ 30-60  แต่กรณีที่คอมพิวเตอร์ที่สเปคไม่แรงมาก การตั้ง Resolution สูง และ  FPS สูง ก็จะมีผลต่อ CPU ที่ทำงานหนัก ทำให้คอมเกิดการค้าง หรือเกมกระตุก ไม่ก็ ภาพในเกมปกติ แต่ในสตรีมกระตุก เป็นต้น

วิธีตั้ง Resolution

ไปคลิกที่ ปุ่ม ▼ ด้านขวาบนของโปรแกรม XSplit แล้วเลือก Resolution ▶ 1280×720 (16:9)

กรณีไม่มี ให้เลือกที่ Resolution ▶ Add resolution ▶ เลือก 1280 x 720 (16:9) เท่านี้ก็จะมีขึ้นมาให้เลือกเปลี่ยนตามภาพแล้ว

วิธีตั้ง FPS

ไปคลิกที่ ปุ่ม ▼ ด้านขวาบนของโปรแกรม XSplit แล้วเลือก Frame rate ▶ 60.00 fps


กรณีไม่มี ให้เลือกที่ Frame rate ▶ Custom FPS… จากนั้นกรอกลง 60.00 แล้วกด OK เท่านี้ก็จะมีขึ้นมาให้เลือกตามภาพแล้ว

ควรรู้ก่อนใช้ FPS สูง

การตั้ง FPS 60 นั้น ก็จะเท่ากับว่า ภาพต่อวินาทีจะเยอะขึ้น เมื่อเทียบกับ 30 ก็จะเท่ากับมี 60 ภาพ ต่อวินาที ก็หมายความว่า จะต้องใช้ Bitrate ที่สูงขึ้นถึงเท่าตัว เพื่อทำให้ภาพคงคุณภาพเดิมเอาไว้ และการตั้ง FPS 60 ยังต้องใช้ CPU ที่สูงขึ้น หากคิดว่าใช้  FPS60 แล้วเกิดอาการ LIVE กระตุก หรือ คอมกระตุก ควรปรับ FPS ให้เลือกเพียง 30 ให้เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์

วิธีอัดวิดีโอไปด้วยขณะ Live

สามารถกดสั่งให้ Record ไปด้วยขณะ Live ได้ทันที โดยความละเอียดนั้นจะเท่ากับ Bitrate ที่ตั้งเอาไว้ใน Live โดยติ้ก Automatically save recording on local drive ได้เลย

พื้นที่เก็บไฟล์จะอยู่ที่ C:Users(Name)Videos เราสามารถย้ายที่เก็บไปไดร์ฟอื่นได้ โดยเริ่มจาก สร้างโฟลเดอร์ที่ไดร์ฟอื่นที่ต้องการย้ายก่อน จากนั้นเข้าไปที่ Tools > Recording จากนั้นเปลี่ยน Location ที่ด้านล่าง โดยกด ・・・  แล้วเลือกไปที่โฟลเดอร์ที่ตั้งไว้ จากนั้นกด OK เท่านี้ก็จะถูกย้ายตำแหน่งเก็บไฟล์แล้ว

การเริ่ม Live

เมื่อตั้งค่า Live สำเร็จแล้ว ปุ่มการเปิด Live นั้นจะแสดงขึ้นมาในเมนู Outputs

เมื่อกด ที่ชื่อที่เราตั้งค่าเอาไว้ ก็จะถือว่าเริ่มการ Live แล้ว โดยจะมี Status ตัวหนังสือสีแดง แสดงขึ้นมาบนแถบโปรแกรมด้านบน

หาก Frames Encoded มีตัวเลขวิ่งไปเรื่อยๆ แสดงว่าภาพที่เราส่งไปถึงเซิฟเวอร์นั้นผ่านไปได้ด้วยดี แต่กรณีที่ Frames Encoded หยุดนิ่ง แล้ว Dropped มีตัวเลขวิ่งไปเรื่อยๆ แสดงว่าส่งข้อมูลไปเซิฟเวอร์ไม่สำเร็จ

อาจเกิดขึ้นได้จากการตั้งค่าการติดต่อไปหาเซิฟเวอร์ผิด หรือใส่ Stream Key ผิด เป็นต้น

แต่หากเปิด Live แล้ว Frames Encoded วิ่งตามปกติ ซักพักหยุดวิ่ง แล้วเกิด Dropped ขึ้นแทน แสดงว่าอินเตอร์เน็ตอาจเกิดปัญหาขึ้น

แต่กรณี Frames Encoded และ Dropped ขึ้นไปด้วยกันทั้งคู่นั้น อาจเกิดจาก สเปคคอมของเครื่องที่ใช้สตรีมนั้นไม่สามารถส่งภาพทัน เนื่องจาก CPU ทำงานไม่ทันเป็นต้น จะต้องแก้ปัญหาโดยการลด Resolution หรือ FPS ลง

จบ Live

ทุกครั้งที่จะเลิก Live แล้ว จำเป็นจะต้องกดสั่งปิด Live ด้วย ไม่เช่นนั้นข้อมูลจะถูกส่งไปเรื่อยๆ และถูกใช้อินเตอร์เน็ตไปเรื่อยๆด้วย

จะต้องปิดโดยการไปกดที่ปุ่มเริ่ม Live อีกครั้ง ให้ Status สีแดงบนโปรแกรมหายไป จะถือว่าเป็นการปิด Live อย่างสมบูรณ์แล้ว

การ Live พร้อมกัน 2 เว็บไซต์

สามารถทำได้เหมือนวิธีเปิด Live ตามปกติเลย เพียงแค่สร้าง Live Setting ที่ส่งข้อมูลไปหาเว็บที่ต้องการยิงสตรีม แล้วกดเริ่ม Live ทั้งสองแห่งเท่านั้น


แต่การ Live พร้อมกันสองแห่งนั้น จำเป็นจะต้องมีคอมที่สเปคค่อนข้างสูงด้วย เพราะฉะนั้นควรระวังในส่วนนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้คอมอาจกระตุกได้

การเซฟ Preset ของ XSplit

อาจจะมีบางเหตุการณ์ ซึ่งทำให้ตัว Xsplit เกิด Crash โดยไม่ทราบสาเหตุ และทำให้หน้า Scene ต่างๆที่ตั้งค่าเอาไว้หมดแล้ว ได้หายไป หรือจะเป็นกรณีลงวินโดว์ใหม่ ทำให้การ Setting ทั้งหมดหายไป เราสามารถเซฟข้อมูลเก็บไว้ได้ โดยการกดที่ File > Save presentation… เมื่อต้องการเรียกการ Setting กลับมาก็เพียงเลือก File > Load presentation แล้วเลือกไปที่ไฟล์ที่เซฟเอาไว้เท่านั้นเอง

การอัดวิดีโอ Local Recording 

สามารถอ่านวิธีอัดได้ที่ลิ้งค์นี้

วิธีใช้ OBS Studio

0
บทความนี้ ถูกเขียนขึ้นมาซักพักแล้ว อาจจะทำให้หน้าตาของโปรแกรมนั้นอาจจะต่างกันบางจุด แต่หลักการ การใช้งานก็จะเหมือนเดิมหมดครับ

OBS Studio คือโปรแกรมสำหรับใช้สตรีม รวมถึงการอัดวิดีโอ

  • เมื่อเปรียบเทียบกับโปรแกรม XSplit แล้ว การใช้งานเครื่องมือต่างๆ จะยุ่งยากกว่าเล็กน้อย
  • รองรับระบบสตรีมมิ่งเว็บไซต์ใหญ่ๆทั้งหมด รวมถึงสามารถตั้งค่าสตรีมผ่าน Custom RTMP ได้
  • โปรแกรมใช้งานฟรีทุกอย่าง ไม่เหมือน XSplit ที่ต้องจ่าย Premium เพื่อปลดการใช้งานให้ใช้ได้งานทุกอย่าง
  • เป็นโปรแกรมอีกตัวที่ถูกยอมรับทั่วโลก

เตรียมตัวก่อนเริ่มใช้ OBS

สามารถโหลดจากเว็บไซต์มาใช้ได้เลย โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกใดๆ

Download https://obsproject.com/download

https://obsproject.com/download

การเรียกภาพ Source

เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา จะเห็นว่าโปรแกรมหน้าตาจะไม่มีอะไรเลย เป็นหน้าจอดำๆ หากเราเริ่มสตรีมโดยไม่เรียกภาพใดๆทั้งสิ้น ผู้ชมก็จะเห้นหน้าจอดำๆเหมือนใน OBS ทั้งหมด ฉะนั้นเราต้องเริ่มจัดภาพขึ้นมาบนโปรแกรมก่อน

เปิดโปรแกรมมาอาจจะหน้าตาไม่เหมือนกัน จำเป็นจะต้องเปลี่ยน Theme ก่อน โดย Theme ของโปรแกรมสามารถเปลี่ยนได้ใน Setting > General > Theme

การเรียกภาพเกม

เริ่มจากเบสิคก่อนเลยคือการเรียกภาพเกมบนคอมพิวเตอร์ขึ้นมา โดยจะต้องเปิดเกมขึ้นมไาว้ก่อน แล้วกดไปที่ปุ่ม + ในช่อง Sources จากนั้นเลือก Game Capture

จากนั้นจะต้องใส่ชื่อเกม หรือตั้งที่อะไรที่ทำให้เข้าใจว่านี่คือ Source ของอะไรลงไป แล้วกด OK

เลือก Mode เปลี่ยนจาก Capture any fullscreen application เป็น Capture specific window จากนั้นเลือกแถบ Window เลือกไปที่ชื่อเกมที่เราจะเรียกภาพขึ้นมา จากนั้นกด OK

เมื่อเรียกภาพสำเร็จ ภาพเกมจะขึ้นมาบนจอ โดยอยู่ที่มุมของโปรแกรม ไม่เต็มจอ เราจะต้องขยายให้เต็มจอ โดนการลากของภาพ หรือกดที่ชื่อ Source ในช่อง Sources แล้วกด Ctrl+F เพื่อทำให้ภาพเต็มจอ

จับภาพหน้าจอคอม

กรณีต้องการรจะจับภาพหน้าจอนั้น จะทำให้ผู้ชมเห็นหน้าจอของผู้สตรีมทั้งหมด ฉะนั้นควรระวัง ในเรื่องของไฟล์ หรือความลับบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ให้ถูกเผยแพร่ไปในอินเตอร์เน็ตโดยผู้ไม่หวังดีด้วย

เริ่มจากกดที่ปุ่ม + ในส่วนของ Source เลือก Display Capture จากนั้นตั้งชื่อ Sources ว่า Display กด OK

เลือก Display หน้าจอที่ต้องการให้แสดงภาพบนโปรแกรม จากนั้นกด OK เท่านี้ภาพก็จะเข้ามาบนโปรแกรมแล้ว

กรณีที่มีจอคอมพิวเตอร์แค่จอเดียว จะไม่สามารถเลือกได้

Crop ภาพบนหน้าจอ

วิธีการ Crop ภาพนั้นสามารถทำได้โดยการกด ALT ค้างเอาไว้ แล้วลากตำแหน่งของ Source ที่ต้องการได้เลย

การเรียกภาพจากกล้อง Webcam

กดปุ่ม + ที่ Sources เลือก Video Capture Device ตั้งชื่อ Source ว่า Webcam กด OK จากนั้นเลือก Device เป็น Webcam ที่ใช้งาน จากนั้นกด OK


จากนั้นจัดวางตำแหน่งตามที่ต้องการได้ที่หน้าจอหลัก OBS

การตั้งค่า Bitrate ของภาพและเสียง

คำเตือน กรุณาอ่านวิธีการตั้งค่าเพื่อ Live ให้เข้าใจก่อน ที่จะเริ่มอ่านวิธีตั้งค่า Bitrate เพราะว่าเป็นขั้นตอนต่อไป

ก่อนอื่น อย่างที่เขียนบอกไว้ในในเนื้อหา

หากไม่ได้อ่าน กรุณาอ่านก่อน

หลังจากได้สปีดอัพโหลดมาแล้ว ทีนี้ต้องมารู้เกี่ยวกับการใช้ Bitrate ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งต่างๆก่อน

โดยจะต้องตั้ง Bitrate สำหรับภาพ และ สำหรับเสียง จากนั้นเอามาบวกกัน เท่ากับค่าที่เหมาะสมที่สุด โดยแต่ละเว็บไซต์ก็จะไม่เหมือนกัน ดังต่อไปนี้

เว็บไซต์บิทเรตที่ใช้ตั้งค่า (รวม ภาพ + เสียง )
Youtube Live6000 – 9000
Twitch3000 – 6000
Mixer3000 – 8000
Facebook Live3000 – 6000

 เมื่อรู้ Bitrate ที่คิดว่าจะใช้ตั้งค่าแล้ว เอามาใช้ตั้งค่าในหน้าใส่ Streamkey ดังนี้

จะยกตัวอย่างการตั้งค่าที่ Twitch โดยใช้ Bitrate 6000

แนะนำว่าเสียงไม่จำเป็นต้องตั้งสูงเกิน 128 เพราะแทบจะไม่ค่อยเห็นผล ในการถ่ายทอดสดเท่าไร

การตั้งค่า Resolution และ FPS

การตั้งค่า Resolution และ FPS มีผลความละเอียดของภาพสตรีมมิ่งที่ออกมา หากตั้งความละเอียดสูง แต่ใช้ Bitrate น้อย ก็จะมีผลต่อภาพสตรีมมิ่งที่ไม่ชัด เบลด หรือภาพแตก เป็นต้น ฉะนั้นจะต้องตั้งค่าให้เหมาะสมกับอินเตอร์เน็ตที่ตัวเองมี จะดีที่สุด

โดยมาตรฐานทั่วไป ก็จะใช้ Resolution กันที่ 1280×720 และ Frame Rate อยู่ที่ 30-60  แต่กรณีที่คอมพิวเตอร์ที่สเปคไม่แรงมาก การตั้ง Resolution สูง และ  FPS สูง ก็จะมีผลต่อ CPU ที่ทำงานหนัก ทำให้คอมเกิดการค้าง หรือเกมกระตุก ไม่ก็ ภาพในเกมปกติ แต่ในสตรีมกระตุก เป็นต้น

วิธีตั้ง Resolution และ FPS

เข้าไปที่ Setting จากนั้นเลือกแถบเมนู Video ด้านซ้าย  จากนั้นตั้งค่า

Output (Scaled) Resolution เป็น 1280×720 และ Common FPS Values เป็น 60

ควรรู้ก่อนใช้ FPS สูง

การตั้ง FPS 60 นั้น ก็จะเท่ากับว่า ภาพต่อวินาทีจะเยอะขึ้น เมื่อเทียบกับ 30 ก็จะเท่ากับมี 60 ภาพ ต่อวินาที ก็หมายความว่า จะต้องใช้ Bitrate ที่สูงขึ้นถึงเท่าตัว เพื่อทำให้ภาพคงคุณภาพเดิมเอาไว้ และการตั้ง FPS 60 ยังต้องใช้ CPU ที่สูงขึ้น หากคิดว่าใช้  FPS 60 แล้วเกิดอาการ LIVE กระตุก หรือ คอมกระตุก ควรปรับ FPS ให้เลือกเพียง 30 ให้เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์

การเริ่ม Live

หลังจากตั้งค่าการเชื่อมต่อกับเซิฟเวอร์ทั้งหมดแล้ว สามารถกดเริ่ม Live ได้ที่ปุ่ม Start Streaming ในส่วนของ Controls ด้านขวาของโปรแกรม OBS ได้ทันที

เมื่อกด Start Streaming ปุ่มจะถูกเปลี่ยนเป็น Stop Streaming แทน หมายความโปรแกรมได้ทำการส่งข้อมูลไปยังเซิฟเวอร์แล้ว

ด้านล่างของโปรแกรมจะมี Status บอกการส่งข้อมูลไปหาเซิฟเวอร์ ดังนี้

Dropped Frames – กรณี Live เกิดขึ้นตัวเลขในส่วนของ Dropped Frame และไฟสีเขียวกลายเป็นสีเหลือง แสดงว่าอินเตอร์เน็ตที่ส่งข้อมูลไปหาเซิฟเวอร์หามีปัญหา
LIVE – บอกระยะเวลาที่เริ่ม Live
REC – บอกระยะเวลาที่เริ่มอัดวิดีโอ (กรณีตั้งค่าให้อัดวิดีโอไปด้วย)
CPU – บอกการทำงานของ CPU กรณี CPU ขึ้นสูงถึง 100% อยู่ตลอดเวลา อาจทำให้ภาพกระตุกได้ แก้ปัญหาด้วยการลองปรับ FPS ใน Setting เหลือ 30

สีสถานะ – บอกความราบลื่นในการยิงสตรีมไปเซิฟเวอร์
สีเขียว สถานะราบลื่น
สีเหลือง การส่งข้อมูลไปยังเซิฟเวอร์ไม่ปกติ (เช่นอินเตอร์เน็ตมีปัญหา)
สีแดง ไม่สามารถติดต่อกับเซิฟเวอร์ได้

การปิด Live

ทำได้โดยกดที่ Stop Streaming ปุ่มเดียวกับที่เริ่ม Live เมื่อปุ่ม Stop Streaming กลายเป็น Start Streaming แล้ว แปลว่าการปิด Live นั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว

วิธีการอัดวิดีโอขณะ Live

เข้าไปที่ Settings > General ในส่วนของ Output ติ๊กถูกที่ Automatically record when streaming เท่านี้ ทุกครั้งที่เริ่ม Start Streaming โปรแกรมก็จะทำการอัดวิดีโอภาพบนหน้าจอ OBS ทันที และจะหยุดอัดวิดีโอเมื่อ Stop Streaming

แก้ที่อยู่ไฟล์ที่อัดเอาไว้

สามารถเข้าไปแก้ที่อยู่ที่ใช้เก็บไฟล์วิดีโอที่อัดไว้ ได้ที่ Setting > Output ในส่วนของ Recording Path

แก้ไฟล์จาก flv เป็น mp4

แก้ในส่วนของ Setting > Output ในส่วนของ Recording Format จาก flv เป็น mp4

การแก้จาก flv เป็น mp4 นั้น หากถ่ายทอดสดอยู่แล้วเกิดการ โปรแกรม obs ค้าง หรือคอมเกิดการจอฟ้า มีโอกาสทำให้ไฟล์ mp4 ที่กำลังอัดอยู่นั้นเสียในทันที ไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาดูได้

วิธีใช้ Restream.io

0

หากถามว่า Restream.io ดียังไง?

เราคงตอบได้ว่า มันดีสำหรับคนที่ อยากจะสตรีมไปหลายๆที่พร้อมกัน เพื่อเพิ่มฐานคนดูของตัวเองในหลายๆเว็บ จะเป็นการตอบโจท์ยที่ดีมากอย่างนึง

และเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการสตรีมหลายแห่งด้วย เพราะโดยปกติแล้วถ้าเราใช้โปรแกรมยิงสตรีมไปหลายที่พร้อมกันนั้น จำเป็นจะต้องใช้ CPU ที่สูงมากๆ

จะทำให้การสตรีม สไตล์การเล่นเกมนั้น จะไม่ไหวแน่ๆล่ะ ฉะนั้นเราก็ผลักภาระไปให้ Restream.io เขาจัดการให้ไปเลยสิ?

วิธีการใช้ระบบของ Restream.io นั้น ไม่มีอะไรเลย แค่เปลี่ยนจากเดิมที่เรายิงไปหาเซิฟเวอร์ของเว็บที่เราสตรีม เปลี่ยนมาเป็น ยิงไปหาเซิฟเวอร์ของ Restream.io เท่านั้นเอง เดี๋ยวทาง Restream.io เขาก็จะยิงไปหาเว็บที่เราเปิดสตรีมต่อให้เอง โดยเราจะต้องไปตั้งค่าเชื่อมต่อกับเว็บต่างๆ ที่ทาง Restream.io เขารองรับก่อนเท่านั้นเอง

เว็บที่รองรับการยิงสตรีม

หลักๆเลยก็เป็นเว็บสตรีมมิ่งที่เป็นที่นิยมทั่วโลกในปัจจุบัน ที่เปิดให้ทาง Restream.io ส่งข้อมูลหาให้ทั้งหมดดังนี้

จะเห็นว่า Facebook page นั้นจำเป็นจะต้องจ่ายเงินถึงจะใช้ได้ ส่วน Custom RTMP นั้น คือเซิฟเวอร์สตรีมมิ่งที่ไม่มีอยู่ในลิสต์ด้านบน ก็สามารถส่งหาได้ หากเซิฟเวอร์นั้นสามารถเชื่อมต่อเข้าหาได้

**เว็บ MyLive ในไทย ไม่สามารถใช้ระบบ Restream.io ได้ เพราะไม่มีอินเตอร์เน็ตสายต่างประเทศ

เราสามารถยัดไว้หลายที่ แต่บางครั้งหากเราไม่อยากสตรีมไปบางที่ ก็เพียงแค่ไป Toggle ปุ่ม ON OFF ในหน้าของเราเท่านั้นเอง สตรีมก็จะไม่ถูกยิงไปที่นั้นๆแล้ว

อ่านแชทหลายๆที่ยังไง?

อาจจะสงสัยกันว่าหากสตรีมหลายที่ แล้วเราจะอ่านแชททั้งหมดยังไง วุ่นวายน่าดู

จริงๆแล้ว หากใช้ OBS เชื่อมต่อไปหาเซิฟเวอร์ของ Restream.io เวลาเปิด OBS ขึ้นมา จะมี Dock สำหรับอ่านแชทรวมทุกเว็บ และกดเปลี่ยน Title ของทุกเว็บให้เราด้วย

เวลามีคนโพสจากหลายๆที่ ใน Chat ก็จะแสดง Icon ของเว็บนั้นๆขึ้นมา เพื่อให้เรารู้ว่าคนดูเขาคุยกับเราทางไหน

และเราสามารถโพสในแชทกลับไปทีเดียว ระบบก็จะส่งหาทุกเว็บที่เราเชื่อมต่อไว้หมดเลย หรือจะเลือกว่าจะส่งให้แค่ที่เว็บไหนเท่านั้น ก็ได้เช่นกัน

แต่ถ้าหากไม่ได้ใช้ OBS ยิงสตรีม แต่ใช้ Xsplit เราก็สามารถโหลดโปรแกรม Restream Chat มาลงในเครื่องได้เหมือนกัน โดยตัวโปรแกรม Restream Chat นั้นจะเหมือนกับ Chat Dock ที่อยู่ใน OBS เลย เพียงแต่ว่า เราไม่สามารถเปลี่ยน Stream Title ในตัวโปรแกรม Restream Chat ได้ ซึ่งตรงนี้เป็นข้อเสียที่เราเห็นอยู่ในตอนนี้ จะต้องไปเปลี่ยนในเว็บ Restream ผ่าน Account ของเราเท่านั้น

Download : Restream Chat

มีระบบ Relay Chat

อาจจะห่วงว่า แล้วถ้าคนนึงพูดกับเราอยู่ที่ Twitch แล้วคนที่ Youtube เขาจะรู้เรื่องไหมล่ะ? ไม่ต้องห่วง ตัว Restream ยังมีระบบ Relay Chat อีก โดยจะเป็น Account ของ Restream ไปอยู่ในห้องสตรีมของเรา โดยจะทำหน้าที่ Quote ข้อความ แล้วเอามาบอกต่อให้เราอีกทีในเว็บอื่นด้วย

โดยระบบนี้ เราจะต้องไป Enable คำสั่ง Bot Relay Chat ในออฟชั่นของตัวโปรแกรม Restream Chat ก่อนด้วย และต้องเป็นเว็บที่รองรับระบบ Relay ด้วยนะ ถึงจะใช้ได้ แต่โดยรวม Twitch Mixer Youtube ใช้ได้หมดนะ (เฟซบุ๊คไม่รองรับ)

มี Analytics

ทำผลสรุปให้ ทุกครั้งที่เปิดสตรีม โดยบอกหมดว่า คนดูเท่าไร มากสุดกี่คน ระยะเวลาเฉลี่ย รวมถึง โดน Follow เพิ่มกี่คน โดน unfollow กี่คน ให้ปวดใจเล่น

รองรับระบบ FTL

ระบบ FTL นั้นหมายถึง Faster Than Light ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสตรีมความเร็วสูง (No Latency) ของเว็บ Mixer ซึ่งมี Microsoft เป็นเจ้าของอยู่

โดยทาง Restream.io ก็มีเซิฟเวอร์รองรับ FTL ของ Mixer ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญ ก็ยังมีเซิฟเวอร์อยู่ที่สิงคโปร์ให้เราสามารถใช้ได้ด้วย

อธิบายคำว่า FTL คงไม่เข้าใจ เท่าเห็นภาพ อันนี้เป็นคลิปที่ผมยิงไปที่ Mixer โดยใช้เซิฟเวอร์ FTL ของ Restream.io ซึ่งดีเลน้อยจนน่าตกใจมากๆ อยู่ประมาณ 0.5 วินาที เท่านั้นเอง

ค่าใช้จ่าย

ค่ายใช้จ่ายตัว Standard และ Professional จะตามนี้

จริงๆ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก็ได้ สามารถใช้ระบบได้เลย แต่ถ้าอยากจะสตรีมไปขึ้นเพจเฟซบุ๊ค เราจำเป็นจะต้องจ่ายเพื่อเป็น Standard ถึงจะส่งข้อมูลไปหาได้ รวมถึง สามารถยิง Extra Destination ได้ หมายถึงว่า ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถยิงไปที่ Twitch ได้พร้อมกัน 2 ช่อง เช่น men9ch1 men9ch2 ซึ่งไม่รู้จะทำไปทำไม สำหรับสตรีมเมอร์บ้านๆอย่างพวกเรา

สรุป

MeN9

ส่วนตัวคิดว่า หากอยากจะเปิดสตรีมหลายที่ เราคิดว่าใช้วิธีนี้ ก็ถือว่าเป็นวิธีที่เวิคที่สุดแล้วล่ะ เพียงแค่ว่า

ถ้าจะสตรีมไปบนเพจเฟซบุค อาจจะมีปัญหาเยอะหน่อย เพราะเฟซบุ๊คเพจเนี่ย ระบบด้านหลังเขา

เปลี่ยนบ่อยมาก ทำให้พวกเซอร์วิชรีสตรีมต่างๆ เขาจึงทำให้เป็นระบบที่ต้องเสียเงินเพื่อใช้งาน

เพราะมันเรื่องมาก และเสียเวลาเขาแก้ไขบ่อยๆ

 

ตอนที่ผมเติม Standard มาเปิดสตรีมกับเพจ ก็เจอปัญหา ต่อแชทไม่ติดบ่อยมาก

บางทีก็แชทเด้งข้อความซ้ำ คือค่อนข้างน่ารำคาญเลย ตอนนี้เราก็เลยเลิกสตรีมเฟซบุ๊คละ

เพราะรู้สึกว่ามันน่ารำคาญไปหน่อย

 

ส่วนเรื่อง ข้อดีข้อเสียของเว็บสตรีมต่างๆ เดี๋ยวไว้จะมาเขียนแยกอีกทีแล้วกัน

สำหรับใครสนใจจะใช้ Restream.io ก็ลองกันเลยนะ ถ้าสงสัยอะไร ก็คอมเม้นทิ้งไว้

เดี๋ยวมาเห็นจะช่วยตอบให้นะ