หายไปเป็นเดือน บอกตามตรงว่า เผลอลืมไปแล้วว่าตัวเองมี Blog อยู่ lol ที่หายไปไม่ได้ไปไหนหรอก ตั้งแต่ FFXIV มี Patch 2.1 มา ก็แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว นอกจาก FFXIV รัวๆ ตอนนี้ตัวหลัก Summoner ก็ IL90 เรียบร้อยไปแล้ว
ตอนนี้ก็ผ่าน Primal Extreme ไปหมดแล้ว แบบสบายๆ แต่ Bahamut ก็ยังไม่ผ่านชั้น 5 เหมือนเดิม ช่างน่าเศร้าจริงๆ T T
ครั้งนี้ที่อยากจะมาเขียนนั่นก็คือ เกี่ยวกับเรื่องความรู้ภาษาญี่ปุ่น ได้มาอย่างไร ช่วงนี้ผมได้เพื่อนชาวญี่ปุ่นจาก FFXIV มาหลายคน ที่ Add มาคุยกันแบบเป็นเพื่อนกันจริงๆจังๆ ไม่ใช่แค่คุยใน Party และทุกครั้งที่เพื่อนๆเขาถามผมว่า เรียนภาษาญี่ปุ่นยังไง どうやって日本語勉強するの? ทำไมถึงพูดคล่อง(ぺらぺら)แบบนี้
คือก็รู้สึกตลกนะที่ทำไมทุกคนถึงถามคำถามเดียวกันหมดเลย และที่แปลกไปกว่านั้นคือ เราตอบไปว่า เราเรียนภาษาญี่ปุ่นมาจาก Niconico Douga แทบจะทั้งหมด ทุกคนจะตกใจกันหมดเลย และก็จะปรบมือให้เรา (แหะๆ)
เรื่องของเรื่องคือ ผมเริ่มดู Niconico Douga เมื่อ 7 ปีที่แล้ว สมัยที่เว็บยังเป็นยุคที่ 6 Version SP1 (ช่วงกลางปี 2008)
ลำดับยุคของ Nico ตั้งแต่เริ่มยันปัจจุบัน อ้างอิงจาก dic ของ nico
ตอนนั้นเริ่มดูแบบไม่รู้เรื่องเลย นี่มันเว็บอะไร ปกติรู้จักแต่ youtube ฟังไม่ออกเลย อ่านไม่ออกเลย คอมเม้นอะไรฟะลอยเต็มจอไปหมดเกะกะเหลือเกิน ได้แต่ฟังเพลง และดู Madอนิเม แบบไม่ฮา
และไม่มีความคิดจะเรียนภาษาญี่ปุ่นเลย จนกลับมาช่วงกลางปี 2010 มี PV เปิดตัวเกม El Shaddai จากงาน E3 มาลง
และเกิดกระแสที่ดังมากๆ จนมี Mad ออกมาเยอะมาก และผมก็ดูอยู่ช่วงนั้นอยู่ตลอด แบบอ่านไม่ออก แต่ฮาน้ำตาเล็ดอยู่มากมาย นั่นเป็นช่วงที่จุดประกายให้ผมเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ภาษาญี่ปุ่น เริ่มอย่างไร?
ผมเริ่มภาษาญี่ปุ่น ก็เหมือนกับหลายๆคน นั่นคือต้องรู้ hiragana katakana ตัวอักษรของญี่ปุ่น ทั้งสองแบบก่อน ผมคิดเสมอว่า ถ้าไม่รู้ภาษาของเขาให้แน่น จะไปต่อยังไง ตอนนั้นขยันมาก ผมเขียน あいうえお かきくけこ ทุกวันๆๆๆ ผ่านมาเป็นเดือนๆ แต่แน่นอน ว่าเขียนตลอด ไม่ได้ช่วยให้จำได้เลย เพราะเวลานึกไม่ออก เราก็ต้องไปเปิดหน้าเก่าๆที่เคยคัดดูอยู่ดี เพราะจำไม่ได้ จากนั้นผมเริ่มเปิด nico แบบมีคอมเม้นอ่านไปเรื่อยๆ
อ่านไปเถอะ คำอะไรก็ช่างความหมายรู้ไม่รู้ไม่สน ดูไปเรื่อยๆ พอเจอคำอะไรมีคอมเม้นเยอะๆ ผมก็จะก๊อปไปเปิด Dict แปลว่ามันพูดว่าอะไรกัน
(จนผมกลายเป็นคนติดคอมเม้นไปแล้ว ตอนนี้ ผมจะไม่ดู nico แบบไม่ปิดคอมเม้นเลย เพราะคอมเม้นคือสิ่งที่สนุกที่สุดในการดูเลยก็ว่าได้)
ต้องทำให้ตัวเอง อ่านตัวหนังสือ แล้วจำเข้าสมองไปเลย เหมือนเราอ่านภาษาไทย แค่เรามองผ่านๆ เราก็ซึมเข้าสมองไปแล้ว ว่าคืออะไร
และใช้ Karaoke ช่วย เราก็เลือกจากเพลงที่เราชอบมากๆใน Nico นี่แหละ มีคนทำคาราโอเกะให้หมด เรามาร้องได้เลย และทำให้เราจำคันจิได้อีกด้วย
จุดหมายในการเรียนรู้ 目的
จุดหมายหลักๆในการเรียนรู้นั้นทั่วๆไปก็คงเป็น อยากเล่นเกมรู้เรื่อง อยากดูการ์ตูนรู้เรื่อง แต่สำหรับผมแล้ว ผมแค่อยากเล่นเว็บญี่ปุ่นรู้เรื่องเท่านั้นเอง แต่ผมจะคิดว่า หากผมรู้เรื่องแล้ว ผมจะได้ การฟังเพลง การดูการ์ตูน และการเล่นเกมรู้เรื่อง มาเป็นรางวัลนั่นเอง
จำคำศัพท์ 言葉 และ อักษรคันจิ 漢字 ยังไง?
แรกๆ ก็ศัพท์พื้นๆแหละ อารมณ์เหมือนเราเรียนอยู่อนุบาลเลย スイカแตงโม ドアประตู 鏡、ガラスกระจก แต่เราจะเรียนรู้คำศัพท์ได้ ก็ต่อเมื่อ เราจำตัวอักษรได้นั่นเอง หลังจากนั้นผมก็เริ่มจำคำศัพท์จาก Nico นี่แหละ
เทคนิคการจำของผมนั้น ก็คือต้องจำแบบเข้าสมองไปเลย ไม่ใช่ฟังมา อ่านมาแล้วมานั่งคิดว่ามันแปลว่าอะไรว้าา แบบนั้นไม่ได้ เราต้องทำให้ภาษานั้นคือภาษาหลักของเรา เราต้องคิดแบบนี้ ถ้าจำไม่ได้จริงๆ ก็ต้องโกงใช้ Dict ช่วยเสมอๆ และพยายามทำให้ในอนาคตไม่ต้องใช้ Dict ให้ได้ คือเห็นหลายคนใช้วิธีจำคำศัพท์แบบ เขียนคำอ่านเป็นภาษาไทย โอยแบบนั้น จำไปเหอะ จำไม่ได้หรอก และที่สำคัญที่สุดในการจำคำศัพท์นั้นก็คือ ต้องได้ใช้ ไม่ใช่จำอย่างเดียว ไม่งั้นจำไปไม่ได้ใช้ เชื่อเถอะ ลืมหมดแน่นอน
ใช้ Dict อันไหน 辞書
ส่วนตัวแล้ว ใช้ Dict ของ JTDIC แต่เราเลิกพัฒนาไปหลายปีแล้ว เว็บก็ปิดไปแล้ว แต่เราบังเอิญไปได้มา มันเป็นสิ่งที่ผมยังใช้จนถึงทุกวันนี้ และเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความรู้ด้านภาษาจนถึงทุกวันนี้ได้
ส่วนในมือถือ ผมจะมี App อยู่มากมายเลย แต่ที่ผมใช้บ่อยที่สุดคงไม่พ้น Google Translate เพราะว่าสามารถเขียนลำดับเส้นคันจิได้ เพราะผมใช้ Galaxy Note 2 มันมี Pen Tablet เขียนอย่างสบายง่ายดาย
เคยไปเรียนรึเปล่า? 勉強
เคยไปเรียนอยู่ 3-4 คอร์ส แต่ว่าบอกตามตรงเลยว่าที่ไปเรียนมา รู้สึกได้ว่า แทบไม่ได้อะไรเลย เพราะที่โรงเรียนเขาสอนในคอร์สแรกๆนั้น เรารู้เรื่องหมดแล้ว – -; ตอนนั้นไปเรียน โหย หลับครับ เคยโต้เถียงกับอาจารย์คนไทย ที่สอนญี่ปุ่น โดนเขาหมั่นไส้อีก พอย้ายที่เรียนไปเจออาจารย์ญี่ปุ่น ก็สอนแบบช้า อืดอาด ยืดยาด มากๆ แถมยังโดนคนร่วมห้องหมั่นไส้อีก จนคิดว่า ไม่เรียนดีกว่า อ่านเอง ศึกษาเอง ไวกว่าเยอะ
เคยไปสอบวัดระดับรึยัง 日本語能力試験
ไม่เคย เพราะผมคิดว่าความรู้ที่ผมมีนั้น ถ้าเป็นกราฟหุ้นนั้น คงเป็นแบบ ขึ้นปุ๊บ ร่วงปั๊บ สลับไปมารัวๆ เพราะว่าสิ่งที่ผมรู้นั้น ไม่ได้มาจากการเรียนที่โรงเรียนใดๆ แต่มันเป็นการเรียนรู้แบบตามใจฉันสุดๆ ศัพท์บางคำ พวกระดับ N2 N1 ไม่รู้จัก แต่ผมดันรู้ซะงั้น ไวยากรณ์ที่ N3 รู้ แต่ผมไม่รู้ก็มี อะไรแบบนี้ แต่ก็มีหลายๆครั้งที่ น้องๆ เพื่อนๆ ยุให้ไปสอบอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่มีความคิดที่จะไป
ข้อดีและข้อเสียของการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ข้อดีหลักๆเลยก็คือ เราสามารถเรียนรู้เฉพาะเจาะจง เรื่องที่เราอยากจะเรียน เรื่องที่เราอยากจะรู้ได้ คือบางทีหนังสือสอนญี่ปุ่น มันก็สอนอะไรที่ ยังไม่ต้องรู้ก็ได้ ยัดคันจิที่ยังไม่จำเป็นต้องรู้มาเยอะเกินไป สมัยที่ผมไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษา ครูชาวญี่ปุ่นคนนึงเขาได้บอกกับผมว่าหนังสือแบบเรี่ยนมินนะโนะนิฮงโกะ みんなの日本語 นั้นเป็น 糞本 (หนังสือห่วย) ยัดมาเยอะเกินไป จนทำให้คนที่เรียนรู้สึกท้อมาก
ส่วนข้อเสียก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง ถูกหรือผิด เพราะเราไม่สามารถถามเรื่องที่เราอยากรู้จากใครได้เลย
หากไม่เริ่ม ไม่มีอะไรเกิด
สำหรับผมแล้ว ผมเล่น FFXIV เลือกเล่นกับคนญี่ปุ่น เพราะผมตั้งใจจะมาคุยภาษาญี่ปุ่นอย่างจริงๆจังๆ ตัวเกมผมเลือกเล่นภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เริ่ม ถึงแม้จะมีอ่านไม่ค่อยออกบ้าง แต่ก็ใช้ Dict มาตลอด ถึงแม้จะต้องลง Dungeon คุยวางแผนอะไรต่ออะไร ก็สามารถคุยได้ ถึงแม้ว่าจะผิดบ้างก็เถอะ ก็มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกอาย ที่เขียนไวยากรณ์ไม่ถูก แต่ก็ไม่เคยเจอคนญี่ปุ่นคนไหนพูดกับผมว่า ผมเขียนไม่รู้เรื่อง ล่าสุดก็มีเพื่อนชาวญี่ปุ่น ที่ได้คุยกันในเกม เขาบอกกับผมว่า
(ผม)Megamimi Desuyo : เวลาเราคุยกับคนญี่ปุ่น บางทีก็รู้สึกอาย เพราะใช้คำผิดบ้าง
(เขา)Eve Contadino >> เวลาฉันคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติ ก็รู้สึกอายเหมือนกัน เพราะภาษาอังกฤษห่วยมาก
(เขา)Eve Contadino >> แต่ไม่เป็นไรหรอก! ถึงแม้จะผิดบ้าง แต่สื่อสารกันได้ก็พอแล้ว
บอกตรงๆผมตึ้นตันใจ ชิบเป๋งเลย 55+
สำหรับบทความไร้สาระพรรณนี้ ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเก่งภาษาญี่ปุ่น แต่พอจะเอาตัวรอดได้ แต่ก็ยังมีผิดๆถูกๆอยู่เหมือนกันครับ ไม่ได้ให้ทุกคนที่บังเอิญผ่านมาอ่านเจอ ต้องทำตามหรอกครับ เพียงแต่อยากจะบอกว่า ถ้าคุณอยากจะหัดภาษาใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาญี่ปุ่นหรอก ถ้าใจรัก คิดจะเรียนรู้ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอก อายุไม่ใช่ปัญหากับการเรียนรู้ภาษาใหม่ เพราะผมก็เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นตอนอายุ 20 ผมยังทำได้เลย พยายามเข้านะ !