ครั้งนี้จะเป็นการรีวิวเอลโอเซียคาเฟ่ ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่เกมเมอร์ FF14 ชาวเอลโอเซียทุกคนคงอยากจะลองไปดูซักครั้งในชีวิต ไม่เป็นไร ผมมาให้แล้วครับ
เท่าที่ผมเข้าใจคือตัวคาเฟ่นั้นจะเป็นของ Pasela Cafe ซึ่งมาทำ Season Cafe ให้กับทาง FF14 ซึ่งหมายความว่า อาจจะเป็นคาเฟ่ ที่ไม่มีตลอดไป แต่มีอยู่ซักพักใหญ่ๆแล้วก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน (คิดว่าอย่างนั้นนะ)
ปล. บางจุด ผมอาจจะไม่ได้ถ่าย เนื่องจากมีคนอยู่เยอะ ซึ่งผมคิดว่าถ่ายไปแล้วมันดูเสียมารยาทยังไงไม่รู้ก็เลยจะข้ามไปนะครับ
[divider]
ก่อนอื่น สิ่งที่ผมได้รับทราบมาก็คือ คาเฟ่นี้ Walk in เข้าร้านไม่ได้ครับ เพราะว่าคนนั้นแห่กันมาเยอะมากๆ และทางตัวคาเฟ่นั้น ก็มีเวลาในการเปิดให้บริการ 4 ช่วงเวลาด้วยคือ
รอบ 1 : 11:30 – 13:30
รอบ 2 : 14:00 – 16:00
รอบ 3 : 16:30 – 18:30
รอบ 4 : 19:00 – 22:00
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ คาเฟ่นี้ ไม่ใช่ว่ามาก่อนชาวบ้านแล้วจะได้เข้าแน่นอน แต่จะเป็นการรับ Lotto หรือ ใบเสี่ยงโชค เพื่อรับตัวเลขคิว เพื่อเข้าไปจองนั่นเอง
@ เวลาประมาณ 9:30 ผมไปถึงหน้า Pasela Cafe พบว่า คิวยาวมากๆๆๆ เป็นคิวที่รอขึ้นไป Eorzea Cafe ทั้งนั้น
แวะถ่ายรูปซักหน่อย
@ เวลา 10:00 แถวจากหน้า Pasela Cafe เริ่มขยับ และพาทยอยคิวหน้าร้าน เข้าไปในคาเฟ่ และต้องเดินขึ้นไปชั้นบนของคาเฟ่ ที่ชั้น 3 ผ่านบันไดหนีไฟ -*-
@ เวลา 10:05 ทุกคนจะยืนต่อแถวเป็นหลายๆแถว อยู่ที่ห้องไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ห้องนึง ซึ่งไม่ใช่คาเฟ่ของเอลโอเซีย บรรยากาศแออัดเหมือนชาวต่างด้าวกำลังรอลักลอบเข้าประเทศ
@ เวลา 10:30 ก็ยังยืนต่อไป และทางพนักงานเริ่มออกมาบอกว่า ทางร้านจะให้ Lotto เพียงกลุ่มละ 1 ใบ เท่านั้น!! หากมีกลุ่มที่คนมาเกิน 10 คน เขาจะให้ 2 ใบ ซึ่งแน่นอน ทุกคนมากัน 4-6 คน ต่อกลุ่มทั้งนั้น
@ เวลา 10:45 พนักงานเริ่มทำการนับจำนวนคน และจำนวนกลุ่มที่มีอยู่ในห้องแออัดนั้น และไปเตรียม Lotto ให้ตรงตามจำนวน
@ เวลา 10:50 เริ่มมีการให้หยิบสุ่ม Lotto จากกล่องที่พนักงานเตรียมมา เพียงกลุ่มละใบ อย่างที่ว่าไป และทางผมได้เบอร์ 31 หมายความว่าจะได้เข้าไปจองคิวที่ 31 นั้นเอง -*- มีคนข้างๆจับได้เบอร์ 5 มั้ง ร้องดีใจลั่นเลย
ตอนนั้นก็เริ่มคิดแล้วว่า ตายห่า กูจะได้กินไหมนี่
ทางพนักงานเขาก็จะเริ่มเรียกหมายเลขทีละ 5 เบอร์ เริ่มจาก 1-5 5-10 ไปเรื่อยๆ จนมาถึงคิวที่ 31 ของผม
ก็ได้เดินเข้าไปเพื่อจอง ตอนแรกคิดว่า ถ้าได้ก็จะเข้าเลย แต่ที่ไหนได้ เขาบอกว่า 2 รอบแรก เต็มแล้วครับ !!
SHOCK !! ทางผมก็เลยต้องเลือกเป็นรอบที่ 3 นั่นคือเวลา 16:30 นั่นเอง และทางเขาก็จะให้ใบจองมา พร้อมกับใบสั่งอาหารล่วงหน้า (ลืมถ่าย)
นั่นก็หมายความว่า พวกรับบัตรคิวเลข 50-60 กลับบ้านเห๊อะ ไม่ได้กินแน่นอน ผมเห็นหัวแถวเป็นฝรั่ง เหมือนตั้งใจจะมากินเต็มที่เลย
มาคนแรกสุด แต่ได้บัตรคิวเหมือนจะไกลโข เห็นยืนเซ็งๆ ปนงงๆ ไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง พนักงานก็พูดอังกฤษไม่ได้เลย
ในบัตรจะเขียนว่า ให้มาก่อนเวลา 10 นาที หากไม่มาตามเวลากำหนด ถือว่า Cancel คุณมีเวลาในคาเฟ่เพียง 120 นาที
ด้านหลังบัตร
และจากนั้น เขาก็จะให้เดินลงบันไดหนีไฟ อีกฝั่งนึง เพื่อลงไปชั้น 2 ซึ่งชั้น 2 นั่นเองที่เป็น Eorzea Cafe แต่ให้เรามาชั้น 3 เพื่อต่อคิวจอง
เนื่องจากยังเหลือเวลาอีกเยอะ เลยหนีไปแร่ดข้างนอกก่อน
@16:00 กลับมาที่หน้าร้านอีกครั้งเพื่อรอเข้า เราเอาบัตรจองไปยื่น พร้อมกับยื่นใบสั่งอาหารที่ให้เรามาตอนแรก
ด้วยความที่พนักงานเห็นว่า เราสั่งเยอะมาก เขาเลยบอกว่า โต๊ะมันไม่พอวางง่ะ ตัดบางอันออกไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวค่อยสั่งเพิ่มได้ 555+
จากนั้นเขาก็รับออเดอร์ไปและให้หนังสือเมนูมา
สามารถดูเมนูกันได้ที่
Food : http://www.pasela.co.jp/paselabo_shop/ff_eorzea/book/food/HTML5/pc.html#/page/1
Drink : http://www.pasela.co.jp/paselabo_shop/ff_eorzea/book/drink/HTML5/pc.html#/page/1
จากนั้นก็รอเวลาร้านเปิดให้เข้า โดยต้องต่อคิวอีกแล้ว
จากภาพจะเห็นว่า ด้านขวานั่นล่ะ Eorzea Cafe หมายความว่าที่นี่จะมี Cafe หลาย Theme อยู่ด้านในอีก ไม่ได้มีแค่ Eorzea Cafe
Final Fantasy Collaborated with Pasela Eorzea Cafe
บรรยากาศมุมสูงจากหน้าประตูหลังจากเข้าร้านไป ก็จะมีเท่านี้เอง….. เท่านี้จริงๆ ที่เห็นในภาพ มีแค่นี้จริงๆ (ย้ำหลายรอบ)
ในร้านจะมีโต๊ะมุมเล่นเกมอยู่ตรงกลาง แล้วโดยรอบก็จะเป็นโต๊ะสำหรับลูกค้า ประมาณ 8-9 โต๊ะ เท่านั้น…. นี่ล่ะสาเหตุที่ว่าทำไมมันจองเต็มรอบไวจริงๆ..
เข้ามาก็จะได้เห็นกับกลุ่มโมกุริน่ารักๆกันเลย
บรรยากาศร้านอื่นๆ ตาม Theme ของบาร์ของเมืองกริเดเนีย
พร้อมกับลายเซ็นของ โยชิดะ นาโอกิ
ตำแหน่งที่ผมได้นั่งก็ดีมาก อยู่ตรงหน้าต่างเลย โชคดีจริงๆ
ถ่ายผู้มาร่วมคาเฟ่กับผมซะหน่อย
เครื่องดื่มเริ่มทะยอยออกมากันแล้วครับ
เริ่มจาก Potion (สีฟ้า) บลูฮาวาย + เลม่อน + น้ำส้ม และ โซดา (600 เยน)
X-Potion (สีส้ม) คอลลาเจนพีช + น้ำแอปเปิ้ล + โซดา (630 เยน)
ไนท์ ออฟ คาราเมลคาเฟโอเร่ (580 เยน) เป็น คาราเมลซอส รสนมกาแฟ และวิปครีม โปะด้วย มาการอง
อาหารเริ่มมาเสิร์ฟแล้ว เริ่มจาก สิ่งที่ทุกคนถวิลหา มันคือ Devil’s Egg ( 680 เยน ) XD สลัดไข่ต้มนี่เอง
พิซซ่าโกคุอิฟริท (1000 เยน) หรือไอ้พื้นระเบิด นั่นล่ะ เรียกอะไรลืมแล้ว เป็นพิซซ่าซาลามี่ ที่ใช้แป้งดำเป็นฐาน บางๆกรอบๆ
เรเมงลิเวียทาน (980 เยน) พร้อมกับเครื่องทะเล จะเป็นบะหมี่เย็น ในน้ำสีฟ้า และโปะเครื่องด้วย กุ้ง ปลาหมึก หอยอาซาริ และ โอทาเตะ (หอยเชล)
ส่วนรสชาติต้องบอกเลยครับว่า แม่งโคตรเค็มมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่มีอะไรนอกจากรสชาติเค็ม เหมือนกินน้ำทะเล 55+
แบ่งกันเค็ม เนื่องจากทำใจเค็มคนเดียวไม่ไหวจริงๆ
ครั้งนึงในชีวิต ได้เคี้ยวลิเวียทาน
Sausage Warrior with Onion Shield ( 730 เยน ) ไส้กรอก 5 อย่าง และ หัวหอมย่าง ก็ไส้กรอกย่างธรรมดาๆนี้แหละครับ
ลานอร์เซียโทส์ต และ ซอสส้ม (480 เยน)
สั่งเครื่องดื่มเพิ่ม อันนี้ของผม มันชื่อว่า
Summoner of Ifrit Egi (700 เยน) เป็นค๊อกเทลไวน์ขาว ใส่กลีบดอกไม้ ตอนแรกให้มาก็ไม่ได้คิดอะไร พนักงานสาวบอก ให้เอามาวางบนแท่นดู แก้วก็จะเปลี่ยนสีไป ทำเราอเมซซิ่งได้นิดนึง XD
Chocobo Banana Milk ( 580 เยน ) นมกล้วยธรรมดาๆนั่นเอง
Goku Titan of Gravity Burger (880 เยน) เบอร์เกอร์เนื้อ ใส่ชีส และเครื่องเคียงเช่นมันทอด แปะไตตันตัวนึงมาให้ เมนูนี้ อร่อยมาก และใหญ่มาก
เริ่มทำการแยกส่วน
ไตตันโดนเบอร์เกอร์ ทับตายแล้ว
และสุดท้าย สิ่งที่ใครๆก็สั่งกัน
มินิฮันนี่โทส์ตโมกุริ (580 เยน) ของหวานน่ารักๆ
และบรรยากาศมุมอื่นๆในร้าน
อันนี้เป็นแผ่นรองแก้ว ทางร้านจะมีให้สะสมทั้งหมด 9 แบบ โดยจะสุ่มมาให้เรา 1 ใบ ต่ออาหาร 1 เมนู โดยจะมีซ้ำกันบ้าง ทางร้านจะมีกฏว่าห้ามเทรดกับโต๊ะอื่น จนกว่าจะหมดเวลาคาเฟ่ด้วย
มุมอื่นๆต่อ
สุดท้ายไปขอพนักงานถ่ายหลังหน่อย 55
สรุปค่าใช้จ่ายในมื้อนี้
[divider]
สรุป
เนื่องด้วยเป็นร้านอาหารประเภทคาเฟ่ จึงราคาประมาณนี้ เป็นเรื่องปกติของญี่ปุ่นครับ บรรยากาศร้านก็ทำมาได้ดี สำหรับคนที่เล่น FF14 คงได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างเต็มที่ เพราะมันเป็นอะไรที่คุ้นตาทุกคนอยู่แล้ว
เมนูก็มีอลังๆอยู่หลากหลายเลยครับ ผมไม่ได้สั่งแต่เห็นโต๊ะอื่นสั่ง มันเจ๋งซะจนต้องหันไปมอง บางจานนี้มีไฟลุกด้วย 55+ ส่วนใครอยากกินเอาอิ่มผมแนะนำว่า ให้สั่งเบอร์เกอร์ไตตันครับ มันเยอะมาก เทียบกับราคาแฮมเบอร์เกอร์พวกตามเบอร์เกอร์คิง แล้วพอๆกัน แถมเยอะกว่าอีกด้วยคุ้มจริงๆเมนูนี้
โดยรวมผมว่าโอเคครับ อยากจะแนะนำว่า ใครเป็นชาวเอลโอเซีย ถ้าได้ไปญี่ปุ่นก็อยากจะให้ไปลองกันดูครับ แต่ก็ต้องเสี่ยงดวงดูนะครับ ว่าจะได้กินในวันนั้นรึเปล่า 55+ เพราะคนมันเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เราลากันไปด้วยวิดีโอนี้ละกัน (มันคงเป็นความแค้นนิดๆ)
อยากไปมั่งค่า ลิสต์ๆจดไว้เป็นที่ต่อไป ^^